ในช่วงเวลาที่โรคโควิด-19 ยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของหลายๆ ประเทศในโลกเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่โควิด-19 จะไม่ได้ส่งผลกระทบกับสุขภาพของคนเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจด้วย
และสำหรับประเทศอย่างญี่ปุ่นแล้ว หนึ่งในเหยื่อของภาวะโรคระบาดนี้ ที่หลายๆ คนอาจจะไม่ได้นึกถึงเท่าไหร่ก็คงจะไม่พ้นวงการ “เกอิชา” เป็นแน่ เพราะเหล่าหญิงสาวผู้ขายศิลปะและความงามเหล่านี้ ตามปกติแล้วมักจะมีรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวนั่นเอง
วงการเกอิชานั้นแม้ว่าจะเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมสำคัญของประเทศญี่ปุ่นก็ตาม แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเธอกลับต้องล้มลุกคลุกคลานเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ก่อนที่โรคโควิด-19 จะเริ่มแพร่ระบาดด้วยซ้ำ
นั่นเพราะในปัจจุบันมีวัยรุ่นสาวจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่เต็มใจเรียนเครื่องดนตรีและเต้นรำเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อเป็นเกอิชา ในขณะที่เหล่าลูกค้าผู้เข้าใจและพร้อมสนับสนุนอาชีพนี้จริงๆ เองก็ค่อยๆ ลดลงจากการแข่งขันของแหล่งความบันเทิงที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นในตอนที่โรคโควิดเริ่มแพร่ระบาดจนการท่องเที่ยวของประเทศแทบจะหยุดลง เหล่าเกอิชาโดยเฉพาะที่จังหวัดนีงาตะ ซึ่งมักดำเนินกิจการโรงน้ำชา ร้านอาหาร หรือห้องจัดเลี้ยง จึงได้รับผลกระทบร้ายแรงจนถึงจุดแตกหักไม่สามารถยืนหยัดได้เองอีกต่อไปจนได้
“สำหรับเกอิชา (การรับงานแบบโรงน้ำชา) นั่นคือสิ่งที่พวกเขาถูกฝึกมาให้ทำโดยเฉพาะ ดังนั้นการมาของโรคโควิด-19 จึงเป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับเราในปีที่ผ่านมา”
มิยูกิ ทานาฮาชิ ผู้ดูแลเกอิชา 12 คน
จากบริษัทริวโตะ ชินโค ในเมืองนีงะตะกล่าว
เธอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าในตอนแรกเธอและพนักงานนั้น เคยหวังว่าปัญหานี้จะจบลงโดยเร็วและทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเธอกลับพบว่าปัญหาโรคโควิด-19 คงจะเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาแก้นานกว่าที่คิด
และหากปล่อยไว้เช่นนี้พวกเธอก็อาจจะต้องเสียธุรกิจกว่า 90% ไป ก่อนที่การแพร่ระบาดจะจบลงเลยก็เป็นได้
ดังนั้นเพื่อหาทางแก้ปัญหาแม้ในระยะสั้นคุณ มิยูกิ ทานาฮาชิ จึงตัดสินใจที่จะเปิดโครงการคราวด์ฟันดิงขึ้นเพื่อช่วยเหลือบริษัทเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมา
โดยที่หวังว่าในเวลาราวๆ 1 เดือนครึ่ง พวกเธอจะสามารถรวบรวมเงินได้ 10 ล้านเยน (ราว 2.8 ล้านบาท) เพื่อให้บริษัทของเหล่าเกอิชา ผ่านปีนี้ไปได้โดยที่ไม่พังทลายลงเสียก่อน
“การรณรงค์นี้เริ่มขึ้นในนที่ 10 พฤษภาคมและจะดำเนินไปเป็นเวลา 51 วันจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน
โดยมันเป็นโครงการแบบ ‘ถ้าไม่ได้ทั้งหมดก็ไม่ได้อะไรเลย’
ซึ่งนั่นหมายความว่าหากเงินที่ได้ไม่ถึงเป้าหมาย เราจะคืนเงินทั้งหมดให้ผู้บริจาคเอง”
แน่นอนว่าตัวเลข 10 ล้านเยนที่ออกมานี้ถือเป็นตัวเลขที่เยอะมากจนแม้แต่คุณทานาฮาชิ เองก็มองว่ามันคงจะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสำเร็จ แต่ด้วยความที่ไม่มีทางเลือกแล้ว เธอจึงได้แต่หวังกับลูกค้าและโลกออนไลน์เท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่าความหวังของคุณทานาฮาชิจะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อจากโลกออนไลน์เลย เพราะแม้โครงการจะดำเนินไปได้แค่ราวๆ ครึ่งหนึ่งของระยะเวลาทั้งหมด
เหล่าเกอิชาก็ได้รับการสนับสนุนไปแล้วเป็นเงินมากกว่า 25 ล้านเยน
แสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่ายังมีคนอีกมากมายเหลือเกินที่หลงใหลในวัฒนธรรมเก่าแก่นี้ และไม่อยากให้มันหายไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ
ดังนั้นจากที่แค่หวังจะผ่านปีนี้ไปได้ด้วยดี ในปัจจุบันจากบริษัทริวโตะ ชินโคจึงมีความหวังมากพอที่จะรับเกอิชารุ่นต่อๆ ไปเลย
โดยในเวลาที่เหลืออีกราวๆ ครึ่งเดือนนี้ พวกเธอได้ตั้งเป้าเงินบริจาคขั้นต่อไปไว้ที่ 30 ล้านเยนเพื่อที่จะเป็นต้นทุน ในการฝึกสอนและสืบทอดวัฒนธรรมนี้สืบไป
และหากใครที่สนใจจะสนับสนุนเหล่าเกอิชารุ่นใหม่ บริษัทริวโตะ ชินโคก็ยังคงเปิดรับบริจาคอยู่ที่เว็บไซต์ readyfor ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยการ คลิกที่นี่เลย
ที่มา japan-forward, scmp