หากใครที่ติดตามเหล่าดาราฮอลลีวูดมานานนมก็คงจะทราบดีว่าสองนักแสดงอย่าง Jennifer Lopez และ Ben Affleck เปรียบเสมือนกิ่งทองใบหยกที่ผู้คนต่างชื่นชอบในความรักของทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม ความรักนั้นกลับต้องจบลงทำให้หลายคนต่างเสียดายกันไปตามๆ กัน แต่ล่าสุดก็มีข่าวดีว่าทั้งคู่หวนกลับมาคบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ #เหมียวนานะ เลยอยากจะมาเล่าความหวานจ๋อยนี้ให้ทุกคนได้อ่านกันเลย
ย้อนกลับไปในปี 2001 เป็นช่วงที่ Jennifer และ Ben พบกันครั้งแรกในกองถ่ายภาพยนตร์ Filming Gigli ก่อนที่จะเริ่มปรากฏตัวด้วยกันบ่อยๆ ในที่สาธารณะและมีการคอนเฟิร์มว่าเดตกันในปี 2002
ตอนนั้นทั้งคู่ก็เหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันทั่วไปค่ะ มีความหวานจ๋อย กอดกัน จุ๊บกัน ตัวติดกันไม่เคยห่าง ซึ่งช่วงนั้น Jennifer ก็กำลังโด่งดังประสบความสำเร็จในด้านการทำเพลงและการแสดงสุดๆ
ส่วน Ben ก็ขาขึ้นและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการฮอลลีวูดมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทั้งสองกลายเป็นคู่รักในฮอลลีวูดที่ได้รับการจับตามองและชื่นชอบจากเหล่าแฟนคลับเอามากๆ เลยล่ะ
ไม่นานนิ้วนางข้างซ้ายของ Jennifer ก็ถูกประดับด้วยแหวนเพชร 6.1 กะรัตเป็นที่เรียบร้อย แต่ทว่าในปี 2004 ความหวานหยดย้อยนี้ต้องจบลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการถูกปาปารัซซี่และนักข่าวคุกคามอย่างหนักไม่ว่าทั้งคู่จะไปที่ไหนก็ตาม
Jennifer และ Ben ต่างแยกย้ายกันไปเติบโต ต่างคนต่างเริ่มเปิดใจคบหากับคนใหม่
อย่าง Ben ก็ประกาศแต่งงานกับนักแสดงสาวนามว่า Jennifer Garner ในปี 2005 และมีพยานรักด้วยกัน 3 คนก่อนจะประกาศแยกทางกันในปี 2018
ในส่วนของ Jennifer ก็มีข่าวเดต หมั้น และแต่งงานกับหนุ่มทั้งในวงการและนอกวงการมากมาย เธอมีข่าวหย่ากับสามีถึง 3 ครั้ง (ครั้งแรกก่อนที่จะคบกับ Ben) มีข่าวถอนหมั้นกับคู่หมั้นถึง 5 ครั้ง (หนึ่งในนั้นก็คือ Ben) และมีลูกน้อยอีก 2 คน
จนกระทั่งล่าสุดในเดือนพฤษภาคม ปี 2021 ปาปารัซซี่ก็สามารถจับภาพทั้งสองใช้เวลาร่วมกันได้ขณะที่ Ben ขับรถไปหา Jennifer ที่บ้านของเธอในลอสแอนเจลิส
และนั่นแหละค่ะท่านผู้ชม ต้นรักที่เคยปลูกเอาไว้ของทั้งคู่ก็ได้กลับมาเติบโตอีกครั้ง แถมยังหวานจ๋อยซะจนเราอดอิจฉาพวกเขาไม่ได้เลยทีเดียวเชียว
.
.
ขนาดมุมจูบกันในอดีตกับปัจจุบันยังเหมือนกันเลยคิดดู๊วววว
.
แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังน่ารักไม่มีเปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ #เหมียวนานะ ก็ขอให้ครั้งนี้ทั้งคู่รักกันไปนานๆ เลยน้า
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ที่มา: eonline, freepressjournal