อย่างที่เราทราบกันดีว่า Jaden Smith คืออดีตนักแสดงเด็กที่เคยโด่งดังและผู้คนต่างชื่นชมในการแสดงของเขากันมากมาย อาจจะเพราะการช่วยผลักดันของ Will Smith ผู้เป็นพ่อ ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
แต่สุดท้าย Jaden กลับทิ้งเส้นทางสายการแสดงที่ดูเหมือนจะไปได้ดีของเขาและผันตัวมาเป็นแร็ปเปอร์อิสระที่ถูกผู้คนวิพากวิจารณ์ไปกับความแปลกของเขาแทน
วันนี้ #เหมียวนานะ เลยอยากจะมาเปิดเรื่องราวชีวิตของเขาคนนี้กันเลยดีกว่า
Jaden เริ่มได้รับการพูดถึงหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการที่ร่วมแสดงภาพยนตร์ The Pursuit of Happyness (2006) กับพ่อขณะที่เขาอายุเพียงแค่ 8 ขวบเท่านั้น
สปอร์ตไลต์ส่องแสงมาที่ Jaden อย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับการพูดถึงในภาพยนตร์ The Day the Earth Stood Still (2008) และ The Karate Kid (2010)
อย่างที่เห็นค่ะว่าเส้นทางการเป็นนักแสดงของ Jaden รุ่งเอามากๆ ไม่ต่างจากพ่อของเขา แต่ดูเหมือน Jaden กลับเพิ่งค้นพบความชอบของตัวเองหลังจากที่มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในบทเพลง Never Say Never ร่วมกับ Justin Bieber
ซึ่งตอนนั้นเขาร่วมแร็ปเพลงนี้และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ Jaden เริ่มหันมาสนใจในการแร็ปมากขึ้นและทำมิกซ์เทปของตัวเองที่มีชื่อว่า The Cool Café เป็นครั้งแรกในปี 2012
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงรับบทบาทร่วมกับพ่อต่อใน After Earth (2013) แต่สุดท้ายกระแสตอบรับด้านลบกลับถาโถมเข้ามา Jaden จึงหันหลังให้กับการแสดงและเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
ในตอนนั้น Jaden ได้ขอให้ครอบครัวมอบอิสระให้กับเขาและขอใช้ชีวิตบนโลกนี้ด้วยตัวเอง คำขอนั้นถือเป็นของขวัญวันเกิดอายุ 15 ปี แม้ว่าพ่อแม่จะไม่ได้มอบอิสระให้ Jaden แบบสุดๆ ตามที่เขาร้องขอ (ส่วนหนึ่งเพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะ)
แต่พวกเขาก็สนับสนุนลูกชายคนนี้เสมอมา Jaden เคยกล่าวบนทวิตเตอร์ของตัวเองว่า
“ผู้คนเคยถามผมว่า ‘อยากเป็นอะไรตอนโตขึ้น?’ และผมจะบอกว่า ‘มันคือคำถามโง่ๆ’ คำถามจริงๆ คือ ตอนนี้ผมเป็นอะไรต่างหาก”
ตั้งแต่นั้นมา Jaden เริ่มทดลองอะไรมากมาย เขาติดต่อร่วมงานกับดีไซน์เนอร์จากเกาหลี ชอย บังซุก สร้างร้านค้าที่ผู้คนสามารถซื้อเสื้อผ้าที่มีดีไซน์แบบเฉพาะตัว แถมยังมีแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองนามว่า MsftsRep และใช่ค่ะ… ตอนนั้นเขาอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น
ในปี 2015 Jaden ร่วมกับพ่อ เปิดตัวแบรนด์น้ำดื่ม JUST Water ที่ใช้บรรจุภัณฑ์เป็นกล่องกระดาษ เพื่อลดการใช้พลาสติก เพราะเขาตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติกในทะเลตั้งแต่อายุแค่เพียง 12 ปี แบรนด์ได้รับการขยับขยายอย่างรวดเร็ว
จนในเวลาแค่ไม่กี่ปี JUST Water ถูกจำหน่ายไปมากกว่า 10 ประเทศ ถูกวางขายในร้านค้ามากกว่า 15,000 ร้านในอเมริกาเหนือ ขยับวางขายในญี่ปุ่นมากถึง 21,000 ร้าน และได้รับการตีมูลค่าแบรนด์ไปแล้วมากถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2019
นอกจากนี้เขายังคอยทำอะไรมากมายให้กับผู้ด้อยโอกาส Jaden และครอบครัวเคยจัดงานการกุศลช่วยเหลือเด็กกำพร้ามากมาย และ Jaden ก็เคยเปิด Food Truck วิ่งไปตามถนนในลอสแอนเจลิส เพื่อมอบอาหารให้กับเหล่าคนไร้บ้านอีกด้วย
ในปี 2017 Jaden ปล่อยสตูดิโออัลบั้มแรกที่มีชื่อว่า Syre ออกมา ซึ่งประสบความสำเร็จทะยานขึ้นอันดับ 24 บนชาร์ต Billboard 200 ผลงานของเขามียอดชมบนยูทูบมากกว่าร้อยล้านครั้งและกลายเป็นอีกหนึ่งแร็ปเปอร์ที่มีชื่อเสียงในวงการ
อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงบนสื่อของเขากลับสวนทางกับความสำเร็จอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจาก Jaden เป็นคนมีความคิดค่อนข้างแปลก รวมถึงความชื่นชอบในการแต่งตัวแบบ Unisex ที่ตอนนั้นคนยังไม่ค่อยเข้าใจมากเท่าไร จึงทำให้เกิดกระแสวิจารณ์และล้อเลียนเขามากมาย
ไม่เพียงเท่านั้น Jaden ยังเคยถูกวิจารณ์ในเรื่องนิสัยที่ตรงไปตรงมา เข้าถึงได้ยาก ที่หนักไปกว่านั้นคือเรื่องของรูปลักษณ์ ที่ถูกสื่อล้อเลียนทรงผม หน้าตา และรูปร่างที่ผอมมากเกินไป เพราะ Jaden เป็นคนกินวีแกน
แต่ในตอนนี้ Jaden เริ่มโตขึ้น รวมถึงเริ่มหันมาใส่ใจกับร่างกาย จึงทำให้บนอิสตาแกรมของเขาปรากฏภาพถอดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อ ซึ่งลบคำสบประมาทของผู้คนไปได้มากพอสมควร
และปัจจุบัน Jaden ยังได้รับการยกย่องจากชุมชน LGBTQ+ ให้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อแฟชั่นอีกด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้ Jaden เติบโตเป็นเด็กหนุ่มที่ประสบความสำเร็จและมากความสามารถจริงๆ
ที่มา: c.syresmith, jaden, thethings, thefamouspeople, menshealth, fastcompany, scmp