หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับ Bella Poarch หญิงสาววัย 24 ปี ที่โด่งดังเป็นพลุแตกบน TikTok ก่อนจะก้าวเข้าสู่การเป็นศิลปินในบทเพลง Build a B*tch ที่มียอดเข้าชมปาไปกว่า 262 ล้านครั้งแล้วในตอนนี้
ทำความรู้จัก Bella ได้ด้านล่างนี้เลย
เชื่อว่าทุกคนที่เห็น Bella ก็คงจะคิดว่าชีวิตของหญิงสาวผู้น่ารักคนนี้ต้องโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเธอมีความเป็นเด็กและสดใสอยู่ในตัวเสมอ แต่เชื่อไหมคะว่าจริงๆ แล้วชีวิตในวัยเด็กของเธอกลับยากลำบากและโหดร้ายกว่าที่เราคิดเสียอีก
วันนี้ #เหมียวนานะ เลยอยากจะพาทุกคนมาชมชีวิตในวัยเด็กของ Bella ที่เธอได้เล่าเอาไว้ในรายการพอดแคสท์ H3 เมื่อเดือนมิถุนายน 2021 ที่ผ่านมากันเลยดีกว่า
ชีวิตวัยเด็กที่เปรียบเสมือนซินเดอเรลลา
เห็น Bella อยู่ที่อเมริกาแบบนี้ จริงๆ แล้วเธอเกิดในประเทศฟิลิปปินส์ค่ะ เธอถูกเลี้ยงดูโดยคุณย่าในสลัมยากจน จนอายุ 3 ขวบ Bella ก็ถูกรับเลี้ยงโดยพ่อบุญธรรมอดีตทหารชาวอเมริกันและคุณแม่บุญธรรมชาวฟิลิปปินส์
Bella เล่าว่า บ้านของพ่อแม่บุญธรรมเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ในฟิลิปปินส์ มีพี่สาวที่ถูกรับเลี้ยงมา 2 คนและพี่ชายที่ถูกรับเลี้ยงมาอีก 1 คน (เธอคือลูกคนเล็กสุด)
ตอนแรกๆ ชีวิตของ Bella ปกติสุขเหมือนเด็กทั่วไป จนเธออายุได้ 7 ขวบ Bella และพี่ชายถูกบังคับให้ตื่นตั้งแต่ 03:00 น. เพื่อมางานทำความสะอาดภายในฟาร์ม
งานส่วนมากจะเป็นการเก็บกวาดบ้านแมว อึหมา อึแพะ หรืออึของสัตว์ต่างๆ ที่เลี้ยงเอาไว้ในฟาร์ม จากนั้นก็ไปโรงเรียนตอน 6:30 น.
ก่อนที่จะไปโรงเรียนคุณพ่อจะคอยเช็คงานที่ Bella ทำ หากไม่เรียบร้อยเธอก็จะโดนลงโทษให้อดข้าวเช้าหรือที่หนักกว่าก็คือโดนตบตีทำร้ายร่างกาย
Bella จะไม่ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำก่อนไปโรงเรียน เนื้อตัวเธอจึงมีกลิ่นเหม็นจนโดนคนในโรงเรียนล้อและกลั่นแกล้ง โดยแม่บุญธรรมที่รู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับการโดนทารุณนี้
ซึ่งคนที่โดนกระทำแบบนี้มีแค่พี่ชายและ Bella เท่านั้นค่ะ ในส่วนของพี่สาวคนโต 2 คนจะได้รับการดูแลจากพ่อแม่ที่ต่างออกไป พวกเธอจะได้รับหน้าที่ที่เบากว่าและจะไม่ถูกทำโทษแบบที่ Bella กับพี่ชายโดน นั่นจึงทำให้เธอกับพี่ชายสนิทกันสุดๆ
ยิ่งไปกว่านั้นในบ้านยังมีกฎที่ว่าไม่อนุญาตให้พูดภาษาบ้านเกิดและพูดภาษาอังกฤษเท่านั้น เพื่อที่พ่อจะได้ฟังออกทุกคำ พวกเขาต้องตอบรับเขาด้วยคำว่า “Yes sir” ราวกับเป็นทหาร แถมยังต้องนั่งพื้นและไม่ได้รับอนุญาตให้นั่งบนโซฟาอีกด้วย
การย้ายไปอยู่อเมริกา
ในตอนที่ Bella อายุ 14 ปี คุณพ่อของเธอต้องเข้ารับการผ่าตัดบายพาสหัวใจที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากหมอไม่อนุญาตให้บินกลับมาที่ฟิลิปปินส์ เขาจึงต้องอยู่ที่นั่นนาน 3 เดือน และคุณแม่ต้องบินมาดูแล
Bella เผยว่าเธอมีความสุขมากตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่ เธอสามารถดูทีวีและนั่งบนโซฟาได้ตามใจต้องการ แต่ความสุขนั้นอยู่ได้ไม่นานเพราะพ่อได้พาเธอและพี่ชายย้ายตามมาที่อเมริกาด้วย
ทั้งสองอาศัยอยู่เท็กซัสและยังคงโดนการกระทำเดิมๆ แม้ว่าได้รับอนุญาตให้นั่งบนโซฟาแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน นอกจากไปโรงเรียน ทำให้เธอกลัวการเข้าหาผู้คนและไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนคนไหนเป็นพิเศษเลย
การหนีออกมาจากนรกบนดิน
หลังจากที่พี่ชายอายุครบ 18 ปี เขาก็สมัครเข้าไปเป็นทหารเรือ ในตอนแรก Bella คิดหนักมากว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยต่อหรือสมัครทหารตามพี่ชายดี จนสุดท้ายเธอก็เลือกสมัครเป็นทหารเพื่อตัวเอง เธอกล่าวว่า
“ตอนแรกฉันกลัวมากค่ะ แต่ฉันก็คิดว่านี่คือทางเดียวของฉันที่จะออกจากตรงนี้ได้ ฉันต้องทำมัน”
พอ Bella ได้รับเลือกให้เป็นทหารและต้องเข้าไปฝึก Bootcamp คำสุดท้ายที่เธอได้รับจากพ่อคือ “อย่าได้กลับมาที่นี่อีก นี่ไม่ใช่บ้านของเธอ ถ้าเธอฝึกไม่ผ่านก็ไม่ต้องกลับมา”
แม้ว่า Bella จะเศร้าในตอนแรก แต่เธอกลับสนุกและรู้สึกเป็นอิสระมาก แถมยังได้รับมิตรภาพตามมามากมายจากค่ายทหารในครั้งนี้อีกด้วย หลังฝึกจบ Bella ก็เซ็นสัญญาทำงานกับทางกองทัพเรือ และติดต่อแค่เพียงพี่ชายของตัวเองเท่านั้น
(ตอนที่ Bella เล่าประสบการณ์ตอนอยู่กองทัพเธอดูสนุกและมีความสุขมากค่ะ ต่างจากตอนเล่าเรื่องในวัยเด็กมาก)
สิ่งที่ได้รับจากชีวิตวัยเด็ก
Bella กลายเป็นโรค PTSD (ภาวะป่วยทางจิตใจหลังเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างร้ายแรง) และเป็นซึมเศร้า นั่นจึงทำให้เธอต้องออกจากการเป็นทหารเพราะอาการเหล่านี้แย่ลง จนเธอคิดอยากฆ่าตัวตาย
แต่กองทัพและเพื่อนของเธอดูแลเธอดีมากค่ะ ทุกคนคอยอยู่ข้างๆ และกองทัพก็คอยดูแลเธอที่มีปัญหาทางด้านจิตใจ ทั้งเสนอการรักษา มอบโอกาสทางการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและหางานให้
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเคยออกมาเผยบน TikTok อีกว่า รอยสักบางรอยบนร่างกายของเธอมีไว้เพื่อปกปิดรอยแผลเป็นที่ได้รับจากวัยเด็กที่ยากลำบากอีกด้วย
คำขอโทษจากครอบครัว
หลังจากที่ Bella โด่งดัง ครอบครัวของเธอก็มีการติดต่อมาบ้าง พอเธอไปเจอพวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน คำขอโทษที่เธอได้รับคือ “เราขอโทษที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น” แน่นอนว่า Bella โกรธมากที่ได้ยินแบบนั้น
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ Bella ทั้งมีความสุขและได้รับอิสระในแบบที่เธอต้องการ ใครจะไปรู้ล่ะว่าเธอต้องผ่านเรื่องราวอันหนักหนามาขนาดนี้ เรียกได้ว่าเธอเป็นเด็กสาวที่เข้มแข็งมากจริงๆ
ฟังบทสัมภาษณ์ของ Bella ได้ด้านล่างนี้เลย
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ที่มา: wikipedia, H3 Podcast Highlights, popbuzz