James McAvoy คนจริง เผาแผ่นเกมโปรดทิ้ง เพราะติดหนักจนไม่เป็นอันได้หลับได้นอน

เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีช่วงเวลาติดเกมหรือติดซีรีส์จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน แถมบางครั้งยังทำให้เราต้องตื่นสาย ใต้ตาดำไปอี๊ก

ซึ่งโมเมนต์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับพวกเราเท่านั้น เพราะนักแสดงหนุ่มผู้โด่งดังอย่าง James McAvoy ก็เคยประสบกับปัญหาเหล่านี้เช่นกัน แถมวิธีแก้ปัญหายังฮาร์ดคอร์สุดๆ อีกด้วย

บอกเลยว่า James เป็นคนที่ชอบเล่นเกมมากค่ะ จนล่าสุดเขาถูกเชิญให้มาเป็นหนึ่งในผู้พากย์เสียงให้กับเกมที่มีชื่อว่า Twelve Minutes และได้มีโอกาสนั่งพูดคุยสัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์ Forbes เกี่ยวกับความชื่นชอบในการเล่นเกมของเขา

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน James ได้รับของขวัญเป็นเกมคอนโซล Xbox360 ที่มาพร้อมกับเกม The Elder Scrolls IV: Oblivion แน่นอนว่าเขาติดมันงอมแงมจนไม่เป็นอันทำอะไร เขากล่าวในบทสัมภาษณ์ว่า

“ตอนนั้นแฟนของผมซื้อ Xbox360 และเกม The Elder Scrolls IV: Oblivion ให้ครับ มันเป็นเกมอีกแบบหนึ่งที่ผมชอบเล่นตอนเด็กๆ แนวสวมบทบาทอย่าง Zelda, Secret of Mana อะไรแบบนั้น

แบบว่าผมชอบเกมแนวสวมบทบาทแฟนตาซีครับ”

ในช่วงนั้น James มีคิวถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Becoming Jane (2007) อยู่ ด้วยความที่เกมก็ต้องเล่น งานก็ต้องทำ ส่งผลให้เขาแทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลยในช่วงนั้น เขาเล่าต่อว่า

“ตอนนั้นผมอยู่ดับลิน ผมต้องเข้านอน 4 ทุ่ม เพราะผมต้องตื่น 6 โมงเช้าทุกวัน และผมมีบทให้อ่านเป็นกอง มีธุระให้ทำเยอะแยะไปหมด

แต่ผมกลับนั่งเล่น Oblivion จนถึงตี 4 และผมก็เริ่มคิดว่า ‘เกมนี้มันทำให้ผมลืมเลือน (Oblivion) จริงๆ แล้ว’

ผมเข้านอนตอนตี 5:35 แล้วรถของผมก็บีบแตรปลุกประมาณตี 5:45 และผมก็คิดว่า ‘พระเจ้า ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว’

ผมเลยลุกขึ้นไปเอาแผ่นเกมออกจาก Xbox360 แล้วเปิดเตาแก๊ส ผมเผาแผ่นเกมและมองมันค่อยๆ ละลาย จากนั้นผมก็คิดว่า ‘ใช่ เราจบกันตรงนี้ จะไม่มีอีกแล้ว!'”

จากนั้น James ก็ไม่แตะเกมอีกเลย อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนั้นเขามีงานเข้ามาไม่หยุด แถมยังต้องวุ่นกับการเป็นคุณพ่อมือใหม่อีก

กว่าที่ James จะกลับมาเล่นเกมได้ก็เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วนี้เองค่ะ โดยเขาเริ่มใช้เวลาเล่นเกม FIFA กับลูกชายของเขา นอกจากนี้ยังมีเกม Warzone อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เขาสนิทกับลูกชายวัย 11 ขวบได้มากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าเขาแบ่งเวลาในการเล่นเกมให้กับตัวเขาและลูกชาย เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน

เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ

ที่มา: screenrant, forbes