เมื่อกล่าวถึงประเทศอย่างอิตาลี สิ่งแรกๆ ที่เราคิดถึงก็คงจะเป็นแฟชั่น อารยธรรม ไม่ก็สถาปัตยกรรมที่งดงามมากมายหลากหลายเป็นแน่
แต่เพื่อนๆ ทราบกันหรือไม่ว่าอิตาลีนั้น ในด้านการเมืองการปกครอง ก็มีเรื่องที่น่าสนใจมากๆ อีกเรื่องอยู่เช่นกัน
เพราะพวกเขาคือประเทศที่ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้างไป ไม่ใช่ด้วยการโค่นล้มอย่างฝรั่งเศส หรือกองทัพจัดการแบบรัสเซีย แต่เป็นการโหวตลงประชามติเสียด้วย
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมคนเป็นกษัตริย์ถึงถูกโหวตออกจากตำแหน่งได้!?
ในวันนี้เราจะไปรับชมเรื่องราวของ การล่มสลายของระบอบกษัตริย์ในประเทศอิตาลีกันครับ
จุดเริ่มต้นของการเสื่อมถอย
เรื่องราวที่นำไปสู่การล่มสลายของระบอบกษัตริย์ในอิตาลีนั้น เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
โดยในเวลานั้น อิตาลีซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ชนะสงคราม กลับต้องเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจหลังสงคราม ซึ่งทำให้นายกรัฐมนตรีในเวลานั้น เสื่อมความนิยมลงเป็นอย่างมาก
ปัญหาที่เกิดขึ้นนำไปสู่การขึ้นสู่อำนาจของ Benito Mussolini และกลุ่มฟาสซิสต์ ซึ่งมีความต้องการจะยึดครองอำนาจในอิตาลี จึงเคลื่อนพลราวๆ 30,000 คนเข้าสู่กรุงโรม
ในเวลานั้น กลุ่มฟาสซิสต์แม้ว่าจะมีอยู่เยอะ แต่คณะรัฐมนตรีก็เชื่อว่าพวกตนจะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ หากมีกฎอัยการศึก ซึ่งต้องได้รับการลงนามจากกษัตริย์ Victor Emmanuel III
อย่างไรก็ตาม แทนที่กษัตริย์ Victor จะฟังคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
พระองค์กลับเลือกที่จะติดต่อไปยัง Mussolini และเชิญให้ผู้นำเผด็จการ เข้ามารับตำแหน่งผู้นำรัฐบาลเสียอย่างนั้น
ความผิดพลาดในสงคราม
มันมีความเป็นไปได้ว่าที่กษัตริย์ Victor เลือกเดิมพันกับ Mussolini ในเวลานั้น เพื่อป้องกันตำแหน่งและอำนาจทางการเมืองของเชื้อพระวงศ์
อย่างไรก็ตามเมื่อได้อำนาจมา Mussolini ก็ไม่ได้ภักดีหรือก้มหัวอ่อนข้อ ต่อสถาบันกษัตริย์เท่าใดนัก ทำให้ทั้งคู่มีปัญหากันอยู่บ่อยครั้ง
เท่านั้นยังไม่พอเมื่อ Mussolini นำประเทศเข้าสู่สงคราม การรบของอิตาลียังเรียกได้ว่าเลวร้ายเป็นอย่างมาก
ถึงขนาดที่ว่าในสงครามพวกเขาแทบไม่ชนะใครเลย นอกจากประเทศอบิสซิเนียซึ่งแทบจะไม่มีกำลังรบ
ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ในปี 1943 เมื่อฝ่ายอักษะเริ่มมีทีท่าจะพ่ายแพ้แก่สงคราม กษัตริย์ Victor จำเป็นต้องสั่งปลด Mussolini ที่แต่งตั้งมาเองออกจากตำแหน่ง
ก่อนจะแต่งตั้งนายพล Pietro Badoglio ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน โดยหวังที่จะรีบสงบศึกกับฝ่ายพันธมิตร
ปัญหาคือ.. ก่อนที่อิตาลีจะมีโอกาสได้ทำแบบนั้น ประเทศฝั่งเหนือของพวกเขากลับถูกบุกยึดครองโดยเยอรมนี ที่เป็นอดีตพันธมิตรเสียก่อน
แถม Mussolini ที่ถูกปลดจากตำแหน่งไป ยังกลายมาเป็นผู้ปกครองประเทศอิตาลีในฝั่งเหนืออีกด้วย
และแม้ว่าการตัดสินใจนี้จะไม่ถือว่าผิดพลาดโดยตรง แต่มันก็ทำให้ความไว้วางใจในตัวกษัตริย์ Victor ลดลงไปจากที่เคยมากอยู่ดี
ความพยายามกู้สถานการณ์
เมื่อเวลาดำเนินมาถึงช่วงกลางปี 1944 เกิดความเปลี่ยนแปลงสำคัญในอิตาลี กรุงโรมของพวกเขาถูกปลดปล่อยโดยฝ่ายสัมพันธมิตร
ต่อมาเมื่ออิตาลีแพ้สงคราม Mussolini ก็สิ้นอำนาจลงโดยสิ้นเชิง พร้อมกับการถูกสังหารและประจาน ในฐานะอาชญากรคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามในเวลานั้น กษัตริย์ Victor ก็รู้ตัวเป็นอย่างดีว่าชื่อเสียงของตัวเขาเองก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีนัก เนื่องจากตัวเองมักถูกโทษว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้อิตาลีเข้าสู่หายนะ เพราะการยอมรับ Mussolini อย่างที่กล่าวไปตอนแรก
ดังนั้นกษัตริย์ Victor จึงตัดสินใจสละอำนาจให้กับมกุฎราชกุมาร Umberto II ไปทีละน้อย เพื่อหวังจะใช้การเปลี่ยนกษัตริย์ กู้ภาพลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ในประเทศแม้สักนิดก็ยังดี
แต่.. การเปลี่ยนกษัตริย์ ก็ไม่ได้ช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์ราชวงศ์แต่อย่างใด
การลงประชามติ
ต่อมาในช่วงปี 1946 ประชาชนของอิตาลีซึ่งทุกข์ทรมานกับสภาพประเทศหลังสงครามก็เริ่มที่จะเรียกร้องให้มีการทำประชามติเลือกการปกครอง เนื่องจากพวกเขาไม่ไว้ใจการปกครองภายใต้ระบอบกษัตริย์อีกแล้ว
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้กษัตริย์ Victor ต้องรีบสละสละราชสมบัติอย่างเต็มตัว เพื่อให้ Umberto II ขึ้นเป็นกษัตริย์โดยสมบูรณ์ เพื่อคะแนนเสียงที่ดีขึ้น
แต่ปัญหาคือการตัดสินใจนี้ดูจะช้าเกินไปเสียแล้ว
นั่นเพราะหลังจากที่ Umberto II ขึ้นเป็นกษัตริย์ได้ไม่ถึงเดือน ในวันที่ 2 มิถุนายน 1946 ผลการลงประชามติ ก็ออกมาว่าคนในประเทศต้องการจะเลือกระบอบสาธารณรัฐ ด้วยคะแนนเสียงราว 54% ต่อ 46%
ซึ่งคะแนนการล้มระบอบกษัตริย์นั้น โดยมากแล้วจะมาจากประชากรในทางเหนือ ซึ่งเคยถูกชาติอื่นยึดครองในช่วงสงคราม และทุกข์ทนกับความเจ็บปวดแสนสาหัส
ในขณะที่ประชากรฝั่งใต้ แม้โดยมากจะลงคะแนนสนับสนุนกษัตริย์ แต่พวกเขาก็มีประชากรน้อยกว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
ผลการลงประชามติ แม้จะสูสีกัน แต่ฝ่ายแพ้ก็ต้องยอมรับคะแนน เปลี่ยนประเทศสู่ระบอบสาธารณรัฐ
ในท้ายที่สุด พลังจากประชามติก็ทำให้ทั้งกษัตริย์ Umberto II กษัตริย์ Victor และราชวงศ์อื่นๆ ต้องลี้ภัยไปยังต่างประเทศหลังจากนั้น ปิดฉากระบอบกษัตริย์ในอิตาลีไปโดยสมบูรณ์ไปด้วยประการฉะนี้
เรียบเรียงโดย #เหมียวศรัทธา
ที่มา destinorepublicano, britannica และ archive