ย้อนกลับไปในปี ค.ศ 1963 ในเมือง Nevşehir ประเทศตุรกี ได้เกิดการค้นพบสุดยิ่งใหญ่จากความบังเอิญเล็กๆ ขึ้น เมื่อชาวบ้านคนหนึ่งพังกำแพงบ้านของตัวเองปรับปรุงบ้านใหม่ แต่กลับได้พบกับห้องประหลาดอยู่ที่หลังกำแพงนั้น
เมื่อเขาลองตรวจสอบห้องดังกล่าวดู ชายคนนั้นก็พบว่า บ้านของเขาเชื่อมกับทางลับใต้ดินขนาดใหญ่อยู่ และเมื่อเรื่องราวนี้ทราบไปถึงผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาก็ได้รู้ว่านี่คือซากของเมืองใต้ดินที่ซ่อนในภูมิภาคแคปพาโดเชีย
สถานที่ซึ่งรู้จักกันในภายหลังในชื่อว่า “เดอรินกูยู” (Derinkuyu)
.
.
นครโบราณเดอรินกูยู เป็นอุโมงค์ใต้ดินที่มีความลึกประมาณ 60 เมตร ที่มีช่องสำหรับถ่ายเทอากาศกว่า 15,000 ช่อง มีห้องต่างๆ กระจายอยู่ตามชั้นที่อยู่อาศัย 11 ชั้น
ที่สำคัญมันยังมีทั้งแหล่งน้ำ และที่เก็บอาหาร ซึ่งสามารถรองรับผู้คนได้ถึง 20,000 ชีวิต เรียกได้ว่าเป็นเมืองใต้ดินที่ยิ่งใหญ่และลึกที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้
.
น่าเสียดายที่เรื่องราวของนครโบราณเดอรินกูยู จนถึงปัจจุบันก็ยังคงไว้ซึ่งปริศนามากมายที่ยังไม่ได้รับการไขให้กระจ่าง ไม่มีใครทราบว่าใครกันแน่ที่เป็นคนสร้างที่แห่งนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม นักโบราณคดีก็เชื่อว่า ตลอดช่วงเวลาหลายร้อยปีหลังจากที่มันถูกสร้างขึ้น ที่แห่งนี้ก็น่าจะเคยมีการใช้งานจากคนหลายกลุ่ม
และได้รับการขยายพื้นที่ จนกว้างและลึกแบบในปัจจุบันโดยกลุ่มผู้อยู่อาศัยจากในสมัยจักรวรรดิไบแซนไทน์ (ช่วงปี ค.ศ. 330-1461)
.
เป็นไปได้ว่าในช่วงเวลานั้นชาวคริสเตียนยุคแรกๆ อาจจะใช้ที่แห่งนี้เป็นดั่งหลุมหลบภัยจากชาวมุสลิม หรือไม่ก็ในภาวะสงคราม
อ้างอิงจากการที่ในอุโมงค์มีทางเชื่อมไปยังเมืองใต้ดินอีกแห่งในบริเวณใกล้เคียง
.
ด้วยเหตุนี้เองนครโบราณเดอรินกูยูจึง เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยมาก
ทางลงแต่ละชั้นจะมีประตูหินขนาดใหญ่ที่ปิดได้ด้วยคนคนเดียวอีกทั้งยังออกแบบมาให้เปิดได้จากข้างในเท่านั้นติดตั้งไว้ แถมบนประตูยังมีรูที่ทำหน้าที่คล้ายตาแมว เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ว่ามีอะไรอยู่ที่อีกฝั่งของประตูด้วย
.
เมืองใต้ดินโบราณแห่งนี้เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1969 และยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมือง Nevşehir แม้แต่ในปัจจุบัน
ที่มา vintag, historicmysteries