เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อของ “อลิซาเบธ บาโธรี่” กันมาบ้าง เพราะนี่เป็นชื่อที่ปรากฏขึ้นมาใน ภาพยนตร์ การ์ตูน และเกมอยู่หลายเรื่อง และมีชื่อเสียงในด้านการสังหารผู้หญิงเพื่อความต้องการในความงามของตัวเอง
อลิซาเบธ บาโธรี่เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 1560 ในตระกูลขุนนาง และเชื่อกันว่าเธอเป็นหญิงสาวผู้มีความเชื่อในเรื่องความอ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์ และด้วยเหตุผลนี้เองเธอจึงสังหารผู้หญิงเพื่อเอาเลือดสดๆ ไปอาบ
ภาพวาดของอลิซาเบธ บาโธรี่ในตอนที่เธออายุประมาณ 25 ปี
ตลอดชีวิตของเธอ อลิซาเบธ บาโธรี่ ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังความตายของผู้หญิงกว่า 650 คน การกระทำนี้เองที่ทำให้เธอกลายเป็นตำนาน จนถึงขั้นที่เธอถูกตั้งฉายาว่า The Bloody Countess หรือ Countess Dracula เลยทีเดียว
ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในปี 1602 ซึ่งมีข่าวการหายตัวไปของผู้หญิงในพื้นที่ ซึ่งตั้งใจจะมาเป็นคนใช้ของบาโธรี่ จนหลายๆ คนได้เข้ามาถามบาโธรี่ถึงสาเหตุการหายตัวไปของหญิงสาวคนนั้น
แต่หลังจากที่ เคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้ คู่แต่งงานของบาโธรี่เสียชีวิตไปโดยทิ้งสมบัติและอำนาจทุกอย่างไว้ในมือของเธอ เมื่อปี 1604 การถามหาสาเหตุก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นข่าวลือ
ในเวลานั้นมีคนหลายคนออกมาบอกว่าบาโธรี่เป็นคนสังหารสาวใช้ที่หายไป และอ้างว่าเห็นบาโธรี่สังหารผู้หญิงคนอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากด้วย ถึงขั้นที่ว่ามีการกล่าวหาว่าเธอเป็นพวกกินคนด้วยกันเอง หรือเป็นผีดูดเลือดเลยทีเดียว
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท้ายที่สุดบาโธรี่ก็ต้องรับโทษสังหารหญิงสาวไปอย่างน้อย 80 คน จนเธอต้องถูกกักบริเวณไปเสียชีวิตในปี 1614
ตราประจำตระกูลของ อลิซาเบธ บาโธรี่
นักประวัติศาสตร์หลายๆ คนสังเกตในความแปลกของคดีที่เกิดขึ้น และตั้งทฤษฎีที่น่าสนใจว่า จะเป็นไปได้ไหมที่ข่าวลือของบาโธรี่นั้นจะมาจากราชาแมทเธียสที่ 2 ซึ่งในเวลานั้นติดหนี้ก้อนใหญ่กับบาโธรี่และสามีอยู่
เมื่อเคานท์ฟีเรนซ์เสียชีวิตไป แมทเธียสที่ 2 จึงได้โอกาสใส่ความบาโธรี่ เพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินให้แก่บาโธรี่ และหากเขาโชคดีสามารถทำให้บาโธรี่โดนประหารชีวิต ที่ดินของเธอก็จะตกเป็นของเขาด้วย
ปราสาทที่อลิซาเบธ บาโธรี่ถูกกักบริเวณ
หากแนวคิดนี้เป็นจริง เราก็จะสามารถอธิบายตัวเลขที่เยอะอย่างไม่น่าเชื่อของคนที่บาโธรี่ถูกกล่าวหาว่าสังหารไปได้ไม่ยาก เพราะคำกล่าวอ้างที่ว่าเธอนั้นฆ่าคนไป 650 ราย ก็ยังไม่เคยมีการพบหลักฐานเลยด้วย
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่แนวคิดของนักประวัติศาสตร์เท่านั้น เพราะในเวลานี้เราคงไม่อาจจะกลับไปหาความจริงของคดีเมื่อศตวรรษที่ 17 อีกแล้ว และคนที่จะรู้ความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นก็คงจะมีเพียงตัวของอลิซาเบธ บาโธรี่เองเท่านั้น