เคยได้ยินเรื่องราวของชายชื่อ “Noah Glass” ไหม? หากเราค้นหาชื่อนี้ใน Twitter เราจะพบกับผู้ใช้รายหนึ่ง ซึ่งระบุข้อมูลตัวเองว่า “ผมคือผู้เริ่มสิ่งนี้”
แต่สิ่งที่แปลกคือชายคนนี้เข้าร่วม Twitter ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2006 ทั้งที่ Twitter เปิดให้บริการต่อสาธารณะในเดือน กรกฎาคม 2006
ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะ Noah จริงๆ แล้วคือหนึ่งในผู้สร้างคนสำคัญของ Twitter ร่วมกับ Jack Dorsey, Biz Stone และ Evan Williams แต่กลับมีเพียงชายคนนี้ที่แทบไม่เป็นที่รู้จัก ไม่มีแม้แต่เครื่องหมายยืนยันตัวด้วยซ้ำ
เรื่องราวของ Noah และ Twitter เริ่มต้นขึ้นในซานฟรานซิสโก ซึ่งในเวลานั้นเขากำลังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทพอดแคสต์ชื่อ Odeo ที่มี Evan เป็นนักลงทุนและ CEO
บริษัทของพวกเขาอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ดังนั้น Noah จึงตัดสินใจให้พนักงานแบ่งกลุ่มลองระดมสมองทำโครงการอะไรสักอย่างเพื่อช่วยบริษัทไว้
และก็เป็นในเวลานั้นเองที่ Noah เริ่มสนิทกับพนักงานอย่าง Jack Dorsey
Jack มีไอเดียที่จะทำโครงการใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งสเตตัสเป็นหลัก แต่ด้วยความที่เจ้าตัวค่อนข้างขี้อาย บวกกับเขาไม่ค่อยชอบงานที่เคยทำนักจนถึงขั้นเคยอยากลาออก เจ้าตัวจึงไม่ได้คิดที่จะทำตามไอเดียดังกล่าวนัก
นับเป็นโชคดีที่ Noah เล็งเห็นความเป็นไปได้ของโครงการนี้ เขาช่วย Jack ให้ทำตามไอเดียไปด้วยกัน จนเกิดเป็นระบบที่จะให้ผู้คนส่งข้อความสั้นไปยังหมายเลข “40404”
เพื่อตั้งมันเป็นสเตตัสของตัวเองและส่งให้เพื่อนทุกคนรู้ …ระบบซึ่งในเวลาต่อมาจะถูกพัฒนาจนกลายเป็น Twitter
ในเวลานั้น Evan ไม่ค่อยเชื่อใจในศักยภาพของ Twitter นัก แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ให้ Noah รับหน้าที่เป็นคนดูแลโครงการ Twitter ในขณะที่ Jack เป็นคนเขียนโค้ดหลัก (โดยมี Biz Stone มาช่วยเป็นบางเวลา)
Twitter ถูกพัฒนาจนใช้งานได้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2006 และเผยแพร่ต่อสาธารณะวันที่ 15 กรกฎาคม ปีเดียวกัน โดยในตอนแรกมันก็ไม่ดังเท่าไหร่นัก แต่ก็ค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้นตามลำดับ
มันเป็นช่วงเวลานี้เองที่ “เรื่องอื้อฉาว” ในประวัติของ Twitter ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อ Evan เริ่มกวาดซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนในช่วงที่ Odeo กำลังอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งเป็นการกระทำที่หลายๆ ฝ่ายมองว่าถูกวางแผนมาอย่างดี
พวกเขามองว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าชายคนนี้จะเล็งเห็นถึงอนาคตของ Twitter แล้ว จึงตัดสินใจรีบซื้อหุ้นคืน เนื่องจากหนึ่งในอีเมลของเขามีข้อความแปลกๆ ที่ระบุว่า
“ผมมองว่า Twitter เป็นอีกหนึ่งในสิ่งมีมูลค่าที่เขาเห็นใน Odeo แม้มันจะยังบอกได้ยาก เพราะเกือบ 2 เดือนหลังจากเปิดตัว Twitter มีผู้ใช้น้อยกว่า 5,000 บัญชี
ผมจะลงทุนกับ Twitter ต่อไป แม้มันจะพูดได้ยากว่านี่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่”
แต่คำถามที่ว่า สุดท้ายแล้ว Evan ได้หลอกให้นักลงทุนคิดว่า Twitter ไม่คุ้มค่าทั้งที่มันเป็นเพชรที่ซ่อนอยู่จริงๆ หรือไม่ ก็คงเป็นสิ่งที่มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้น ที่สามารถให้คำตอบได้
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ Noah รู้สึกไม่สบายใจไม่น้อย เพราะเขานั้นมีความคิดอยากแยก Twitter ออกไปเป็นบริษัทของตัวเอง แต่ก็รู้ดีว่า Evan คงจะไม่ยอมเรื่องนี้ง่ายๆ นัก
และในวันหนึ่งความกลัวของเขาก็เป็นจริงด้วย เมื่อ Evan ชวนเขาไปเดินเล่นด้วยกัน ก่อนที่จะไล่เขาออกจากบริษัทที่ตัวเองร่วมก่อตั้งมา
ซึ่งสร้างความแปลกใจให้พนักงานมาก เพราะสำหรับคนในบริษัทหากไม่มี Noah ทุกวันนี้บริษัทก็คงไม่มี Twitter แน่นอนว่าโครงการนี้อาจเป็นแนวคิดของ Jack แต่ Noah ก็ถือเป็นหัวเรือของโครงการเช่นกัน
เหตุผลที่ Evan ไล่ Noah ออกนั้น มีความเป็นไปได้หลายอย่างและถูกเล่าต่างๆ กันไป โดยส่วนใหญ่มองว่านี่เป็นเพียงความไม่เข้ากันของทั้งคู่
แต่หนึ่งในข้อสันนิษฐานที่น่ากลัวที่สุดคือจริงๆ แล้ว Jack ที่ Noah คิดว่าเป็นเพื่อน คือคนที่ไปขู่ Evan ว่าหากไม่ไล่ Noah ออกตนจะเป็นคนที่ลาออกเอง
ไม่ว่าจะทางไหน สุดท้ายแล้ว Noah ก็ต้องออกจากบริษัทที่ตัวเองสร้างขึ้น ด้วยความรู้สึก “ถูกทรยศ” เท่านั้น
“ผมรู้สึกถูกเพื่อนทรยศ โดยบริษัทของผม โดยผู้คนรอบตัวผม กลุ่มคนที่ผมเชื่อใจและทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างบางสิ่งด้วย ฉันรู้สึกผวาไปเลย รู้สึกแบบว่า อะไรกันนี่คือผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ที่เราสร้างกันมาเหรอ?”
Noah Glass กล่าวในการให้สัมภาษณ์
นับตั้งแต่วันนั้นมา Jack Dorsey ก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็น CEO ของ Twitter ในขณะที่ Evan Williams ขึ้นเป็นผู้บริหาร (แต่ในปัจจุบันทั้งคู่ออกจากตำแหน่งออกไปแล้วนะ)
Twitter กลายเป็นโครงการที่มีชื่อเสียงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนในปัจจุบันมันผู้ใช้มากถึง 217 ล้านรายต่อวัน และกลายเป็นหนึ่งในโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกไปได้ไม่ยาก
แต่ในขณะเดียวกัน ชื่อของหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter อย่าง Noah Glass กลับเลือนหายไปตามการเวลาอย่างน่าเศร้า
ที่มา britannica, businessinsider, forbes และ coldFusion