หากยังจำกันได้เมืองช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมาได้มีการขุดพบ โลงหินสีดำไม่เคยถูกเปิดมา 2 สหัสวรรษที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับชาวเน็ตเพราะความเชื่อที่ว่าหากเปิดโลงหินนี้ออกอาจนำมาซึ่งคำสาปโบราณก็เป็นได้
ล่าสุดทางนักโบราณคดีได้ตัดสินใจเปิดโลงที่ว่านั้นออกแล้ว
การเปิดโลงหินในครั้งนี้เป็นคำสั่งจากกระทรวงโบราณวัตถุของอียิปต์ ซึ่งทันทีหลังจากที่เปิดฝาโลงหินออกมาเพียง 5 เซนติเมตร พวกเขาก็ได้พบกับกลิ่นเหม็นโหดร้ายจนต้องหยุดปฏิบัติการไว้กลางคัน
ก่อนที่จะสามารถเปิดโลงได้สำเร็จในภายหลัง ด้วยความช่วยเหลือจากวิศวกรทหารของอียิปต์
โดยสิ่งที่พวกเขาพบภายในโลงหินขนาดใหญ่นั้น ไม่ใช่ทั้งคำสาป หรือว่าร่างของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชอย่างที่มีคนเคยหวังกันเอาไว้ แต่เป็นโครงกระดูกสามร่างที่จมอยู่ในน้ำเสียสีน้ำตาลแดงซึ่งเชื่อว่าเป็นที่มาของกลิ่น
Mostafa Waziri เลขาธิการสภาโบราณวัตถุกล่าวว่า “พวกเราพบกระดูกของมนุษย์สามร่าง โดยเท่าที่เห็นเป็นการฝังศพในครอบครัว โชคร้ายที่มัมมี่ข้างในนั้นไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดี และเหลืออยู่เพียงแค่กระดูกเท่านั้น”
ในเบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าร่างทั้งสามอาจเป็นทหารในสมัยของฟาโรห์ เนื่องจากหนึ่งในกะโหลกที่พบมีร่องรอยความเสียหายซึ่งเกิดจากธนู
อย่างไรก็ตามนักโบราณคดีจะศึกษาร่างที่พบในเชิงลึกเพื่อระบุตัวตนของร่างทั้งสาม และเหตุผลที่พวกเขาเสียชีวิตต่อไป
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับความหวาดกลัวของชาวอินเตอร์เน็ต และคนในพื้นที่บางส่วนต่อคำสาปมัมมี่นั้น คุณ Waziri ก็ออกมาพูดแบบติดตลกว่า
“เราเปิดโลงไปแล้ว โชคดีจริงๆ ที่โลกยังไม่ถูกปกคลุมด้วยเงามืด ผมเป็นมนุษย์คนแรกที่เอื้อมมือเข้าไปในโลง และผมก็ยังสบายดีอยู่”
ถึงอย่างนั้นก็ตามทางหนังสือพิมพ์ของท้องถิ่นกลับรายงานว่า ในปัจจุบันมีการจำกัดบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากพื้นที่แล้ว เนื่องจากความกลัวที่ว่ากลิ่นเหม็นจากในโลงหินอาจจะมีพิษ หรือเชื้อโรคร้ายแรงเจือปนอยู่ก็เป็นได้