มันเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงอยู่หลายต่อหลายครั้ง ว่าโลกของเรานั้นมีเรื่องราวที่เรายังไม่เคยทราบมาก่อนซ่อนอยู่มากมายนัก และบางครั้งเรื่องราวเหล่านั้นก็อาจจะทำให้หลายๆ คนไม่สบายใจกันได้ไม่น้อย
ดังนั้นในตอนที่ผู้ใช้ Reddit อย่างคุณ LukasXB78 ออกมาถามเหล่านักวิทยาศาสตร์ของ Reddit ว่า “มีความจริงทางวิทยาศาสตร์อะไรบ้างที่น่ากลัวสุดๆ แต่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้” กระทู้ของเขาก็กลายเป็นเหมือนคัมภีร์ต้องห้ามที่รวมเรื่องราวน่ากลัวๆ ไว้ในพริบตา
และด้วยโอกาสนี้เอง #เหมียวศรัทธา จึงได้นำความจริงที่น่าสนใจและได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีหลักฐาน ส่วนหนึ่งจากกระทู้นี้มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน แต่จะมีอะไรบ้างและน่ากลัวขนาดไหน เราไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
1. เรามาเริ่มกันจากความจริงของคุณ TheThoughtwell ซึ่งบอกว่า
“เชื้อแอนแทรกซ์สามารถงอกในดินได้ และมันจะคงอยู่ได้หลายร้อยปีจนกว่าดินจะถูกรบกวน และสปอร์ถูกสูดดมเข้าไป”
นี่เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้วในไซบีเรียในปี 2016 เมื่อศพกวางที่ติดเชื้อแอนแทรกซ์จากและถูกนำมาฝังไว้ในเพอร์มาฟรอสต์ตั้งแต่ปี 1941 เกิดละลายเพราะอากาศที่ร้อนขึ้น ส่งผลให้ตัวเชื้อได้กลับมาระบาดอีกครั้งและทำให้กวางอีกกว่า 1,500 ตัวต้องติดเชื้อจนตายตามๆ กันไป
2. ความจริงของคุณ FoucaultsPudendum ซึ่งบอกว่า
“พรีออน คือโปรตีนขนาดเล็กที่ทำให้เกิดการเรียงตัวที่ผิดพลาดของโปรตีน นำไปสู่การเสื่อมของระบบประสาทที่ไม่สามารถควบคุมได้ และรุนแรงถึงชีวิต 100% ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
นี่เป็นอาการที่ไม่มีวิธีรักษา เราไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นสาเหตุ หรือกลไกของมันด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เรารู้คือทฤษฎีนี่เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ และไม่มีทางบอกได้จนกว่าคุณจะเริ่มแสดงอาการ
ซึ่ง ณ จุดนั้น คุณอาจมีเวลาเหลืออีก 18 เดือนในการใช้ชีวิต และ 6 เดือนสุดท้ายก็คงไม่ใช่อะไรที่สนุกนักด้วย”
3. ความจริงของคุณ Unlucky-Pomegranate3 ซึ่งบอกว่า
“ในปี 1958 นิวเคลียร์ขนาด 7600 ปอนด์ (ราวๆ 3,450 กิโลกรัม) ได้สูญหายไปนอกชายฝั่งจอร์เจียใกล้กับสะวันนา และเรายังหามันไม่เจอแม้ในปัจจุบัน”
นี่อาจจะเป็นอะไรที่ฟังดูน่ากลัวแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วสหรัฐฯ เคย “ทำระเบิดนิวเคลียร์หาย” และหาไม่เจอ ในช่วงสงครามเย็นแบบนี้อีกถึง 5 ครั้ง (รวมทั้งหมดเป็น 6 ครั้ง)
และที่สำคัญนี่เป็นแค่ข้อมูลจากฝั่งสหรัฐฯ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าโซเวียตเคยทำระเบิดนิวเคลียร์หายหรือไม่ และถ้าเคยมีกี่ลูกกันที่พวกเขาหาไม่เจอ
4. ความจริงของคุณ foul_dwimmerlaik ซึ่งบอกว่า
“การดมยาสลบบางรูปแบบไม่ได้ทำให้คุณไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่มันแค่ทำให้คุณลืมว่าคุณเคยรู้สึกอย่างไรไป”
5. ความจริงของคุณ WackyXaky ซึ่งตอบความจริงด้านบนว่า
“เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึง “ยาชาเด็ก” ในระยะแรกๆ ที่ไม่ได้ทำให้เด็กชาจริงๆ แต่แพทย์แค่ไม่เชื่อเด็กๆ ที่บอกว่าเจ็บ จนกระทั่งลูกของแพทย์เองสามารถเล่ารายละเอียดขั้นตอนการรักษาและความเจ็บปวดของตัวเองแบบชัดเจนเราถึงจะเลิกใช้งานยาตัวดังกล่าว”
6. ความจริงของคุณ Feeling_Bathroom9523 ซึ่งบอกว่า
“อ้างอิงจาก EEG (การบันทึกคลื่นสมอง) การได้ยินเป็นหนึ่งในความรู้สึกสุดท้ายที่จะค่อยๆ จางหายไปในยามที่เราตาย”
7. ความจริงของคุณ Nervous_Relation9213 ซึ่งบอกว่า
“มีความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงในอวกาศที่เรียกว่า “เกรท แอทแทรคเตอร์” (Great Attractor) มันตั้งอยู่แถวๆ กลุ่มดาวกันย์ และซูเปอร์คลัสเตอร์ไฮดรา–เซนทอรัส และกำลังดูดทุกอย่างเข้าหามัน
แรงดึงดูดของมันนั้น แรงมากถึงขนาดดูดทางช้างเผือกที่อยู่ห่างไป 150-250 ล้านปีแสง เข้าหามันเรื่อยๆ ได้ แต่ปัญหาคือความผิดปกตินี้อยู่ในระนาบเดียวกับดาราจักรของเราเอง ทำให้สังเกตได้ยาก
เราเลยแทบบอกไม่ได้เลยว่าเจ้าเกรท แอทแทรคเตอร์ตกลงแล้วมันคืออะไรกันแน่”
8. ความจริงของคุณ CatumEntanglement ซึ่งตอบความจริงด้านบนว่า
“ด้านตรงข้ามของเกรท แอทแทรคเตอร์ คือ Boötes void หรือบางครั้งก็ เรียกว่า Great Void มันเป็น พื้นที่ว่างๆ ทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีกาแล็กซีเพียงไม่กี่แห่ง อยู่ห่างจากโลกประมาณ 700 ล้านปีแสงและตั้งอยู่ใกล้กลุ่มดาว Boötes
มันมี ผ่านศูนย์กลางราวๆ 250 ล้านปีแสง คิดเป็นประมาณ 0.27% ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเอกภพที่เราสังเกตได้ และคาดว่าเป็นความว่างเปล่าที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาลเลย
ในตอนแรก นักดาราศาสตร์สามารถค้นหากาแล็กซีได้เพียงแปดกาแล็กซีทั่วพื้นที่กว้างใหญ่นี้ แต่ต่อมาเราก็พบกาแล็กซีเพิ่มเป็น 60 แห่ง ทั้งๆ ที่เทียบขนาดพื้นที่มันควรจะมีกาแล็กซี 10,000 แห่งขึ้นไปด้วยซ้ำ
คำถามคือความว่างเปล่านี้เกิดขึ้นมาอย่างไร และทำไม เพราะมันมีเวลาไม่เพียงพอตั้งแต่เอกภพเริ่มต้น ที่แรงโน้มถ่วงจะทำให้พื้นที่ร้างขนาดนั้น
แน่นอนว่าเรามีทฤษฎีมากมายที่พยายามหาคำตอบให้คำถามนี้ เช่น Boötes void อาจเกิดจาก พื้นที่ว่างๆ หลายกลุ่มก้อนมารวมกัน
อย่างไรก็ตามบางทฤษฎีก็บอกว่า Boötes void อาจเกิดจาก เอเลี่ยนที่มีอารยธรรมระดับ Kardashev III (อารยธรรมระดับที่สามารถเก็บเกี่ยวพลังงานในระดับกาแล็กซีจากดาวฤกษ์หลายดวงหรือหลุมดำ)
ซึ่งอาจเคยหุ้มที่ว่างเหล่านี้ด้วยสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่เพื่อดึงพลังงาน พื้นที่นี้เลยออกมาเกือบเป็นทรงกลมสวยแบบที่เห็น
เออใช่ คงต้องบอกไว้ด้วยว่าเรื่องที่เล่ามานี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นห่างออกไป 700 ล้านปีแสง แสดงว่าเรากำลังมองภาพมันเมื่อ 700 ล้านปีก่อนอยู่ ดังนั้นตอนนี้มันอาจจะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ไปแล้วก็ได้ ขอให้ฝันดีนะ”
9. ความจริงของคุณ LeGama ซึ่งบอกว่า
ทุกคนรู้เกี่ยวกับลักปิดลักเปิดหรือโรคขาดวิตามินซี แต่เหตุผลที่ โรคนี้เป็นอาการที่น่ากลัวกว่าที่คิดกลับเป็นเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้กัน
เรื่องของเรื่องคือเนื้อเยื่อแผลเป็นของคนเรานั้นจริงๆ แล้ว ไม่ใช่สิ่งถาวร แต่ร่างกายเราจะมีกระบวนการสร้างและรักษาเนื้อเยื่อแผลเป็นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคุณขาดวิตามินซี เนื้อเยื่อแผลเป็นของคุณจะเริ่มถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ในทางทฤษฎี มันสามารถเปิดบาดแผลเก่าทั้งหมดของคุณ หากคุณเคยผ่าตัด แผลภายในเหล่านั้นจะเปิดขึ้นตามไปด้วย
โชคดีที่ร่างกายของเราไม่จำเป็นต้องรับวิตามินซีมาก และมันเป็นอะไรที่มีอยู่เพียบในแหล่งอาหารของเรา แต่นี่ก็เป็นอาการที่น่าขนลุกสุดๆ อยู่ดี
ขอเตือนไว้หน่อยนะว่า วิตามินซีมากเกินไปก็อาจนำไปสู่มะเร็งกระเพาะอาหารได้!
10. ความจริงของคุณ Val_ery ซึ่งบอกว่า
“คุณจะไม่ละลายเหมือนกอลลัม ถ้าคุณตกลงไปในลาวา กลับกันคุณจะนอนลอยคาอยู่บนลาวาและไหม้จนระเหยไป อย่างน้อยๆ คุณจะตายอย่างรวดเร็ว ก็ดีนะ!!”
ปัญหาคือการถูกไฟไหม้ตายนั้น มักถูกยกเป็นหนึ่งในความตายที่ทรมานที่สุดนี่สิ
11. และความจริงของคุณ ndisa44 ซึ่งบอกว่า
“ระเบียบการของรัฐบาลในการกำจัดกากนิวเคลียร์บางชนิดคือ การบรรจุพวกมันลงในถังที่มีทรายแมวอยู่แล้วเอามันไปฝัง
แต่หากวันไหนเราใช้ทรายแมวผิดยี่ห้อกากนิวเคลียร์เหล่านี้ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เลย และที่สำคัญมันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย” (อ่านข่าวอุบัติเหตุที่ว่าได้ที่นี่)
ที่มา iflscience และ reddit