ว่ากันว่ามนุษย์เรานั้นแม้ว่าจะพยายามหาคำตอบให้กับเรื่องราวที่ตนเองไม่รู้ แต่ในขณะเดียวกันก็หลงใหลในเรื่องลึกลับ บ่อยครั้งเราจึงพยายามอธิบายสิ่งที่ไม่รู้ด้วยเรื่องเหนือธรรมชาติหรือทฤษฎีสมคบคิด
การกระทำเช่นนี้ทำให้หลายครั้งเรื่องราวที่ดูยังไงก็ไม่เกี่ยวข้องกันหลายๆ เรื่องจึงมักถูกโยงให้เป็นความผิดของคนกลุ่มเดียวที่เราเชื่อว่ามีพลังอำนาจอยู่ในโลกเบื้องหลัง จนคนกลุ่มเหล่านั้นเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดองค์กรลับแห่งโลกทฤษฎีสมคบคิดเลยก็คงไม่ผิดนัก
และไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวปริศนาใด หากเราสังเกตกันให้ดีๆ โดยมากแล้วมันก็มักจะถูกโยนให้เป็นความผิดของสุดยอดองค์กรลับทั้ง 6 องค์กรต่อไปนี้
1. องค์กรอิลลูมินาตี
เรามาเริ่มกันจากองค์กรลับในทฤษฎีสมคบคิดที่ได้ชื่อว่าโด่งดังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลกกันกับ “องค์กรอิลลูมินาตี” (Illuminati) นี่คือองค์กรลับ ที่มีเป้าหมายในการปกครองโลกจากเบื้องหลัง
โดยองค์กรนี้ ถูกเชื่อกันว่า มีสมาชิกเป็นผู้มีอำนาจตามยุคสมัยต่างๆ และมีความเกี่ยวข้องของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และเหตุการณ์ใหญ่ๆ ของโลกแทบจะทุกครั้ง
เรื่องราวขององค์กรอิลลูมินาตี เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1776 (ปีเดียวกันกับที่มีการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ) ในแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี
เมื่อเหล่านักกฎหมายและนักวิทยาศาสตร์ตั้ง สมาคม “Bund der Perfektibilisten” ขึ้น โดยมีเป้าหมายในการรวบรวมผู้รู้เพื่อต่อต้านความเชื่องมงายทางศาสนา ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อองค์กรใหม่เป็น “Illuminatenorden” หรือสมาคมรู้แจ้งอีกที
สมาคมรู้แจ้งรู้แจ้งนั้นเดิมทีแล้วเป็นสมาคมที่มีปรัชญาความคิดอิสระสุดโต่งจนถูกประกาศให้เป็นองค์กรเถื่อนโดยกฎหมายของผู้ครองแคว้นบาวาเรียจนต้องยุบสมาคมกันไป
อย่างไรก็ตามยังคงมีคนหลายกลุ่มอยู่ดีที่เชื่อว่า สมาชิกของ Illuminatenorden นั้น ไม่ได้สลายตัวกันไปจริงๆ แต่กำลังแอบควบคุมโลกอยู่จากเบื้องหลังอย่างลับๆ จนพวกเขากลายเป็นองค์กรอิลลูมินาตี อย่างในปัจจุบันนั่นเอง
2. องค์กรฟรีเมสัน
นี่คือองค์กรที่มักถูกกล่าวถึงเวลาผู้คนพูดถึงกลุ่มอิลลูมินาติอีกที โดยคนกลุ่มนี้คือสมาคมลับขนาดใหญ่ที่ทำงานร่วมกับอิลลูมินาติ และก่อตั้งขึ้นก็เพื่อป้องกันการมีผู้นำของประเทศที่จะนำพาไปอย่างไร้ทิศทาง ไร้ความสามารถอีกที
โดยองค์กรฟรีเมสันนั้น เดิมทีแล้วเป็นองค์กรที่มีอยู่จริง เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของช่างหิน (Masons) ที่ร่ำรวยจากการ สร้างโบสถ์และวิหารให้กับคริสจักร แถมได้รับงดเว้นในการเก็บภาษี และว่ากันว่ามีแนวคิดค่อนข้างเสรีไม่อยู่ในกรอบขอบผู้คนในยุคนั้น
ที่น่าสนใจคือแม้จะทำงานให้กับคริสตจักรเป็นหลักแต่คนกลุ่มนี้กลับถูกมองเป็นพวกหัวนอกรีตนิดๆ เนื่องจากคนในกลุ่มไม่เชื่อคำสอนเกี่ยวกับพระเจ้าจากคริสจักรนัก (แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถ้าทำไปใครจะสร้างโบสถ์)
และก็ด้วยอำนาจนี้เองทำให้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมาองค์กรฟรีเมสันก็กลายเป็นที่โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ และว่ากันว่ามีสมาชิกขึ้นเป็นประธานาธิบดีแล้วถึง 15 คน
อย่างไรก็ตามอำนาจจริงๆ ของพวกเขามีขอบเขตแค่ไหนนั้น ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นเรื่องถกเถียงกันอยู่
3. สมาคมลับ Skull and Bones
นี่คือสมาคมลับที่มีสมาชิกเป็นคนสำคัญในแทบทุกวงการของประเทศใหญ่ๆ แบบสหรัฐฯ และอาจกำลังชักใยโลกใบนี้อยู่ก็ได้
สมาคม Skull and Bones เป็นสมาคมนักศึกษาเก่าแก่ ก่อตั้งเมื่อปี 1832 ของนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัย Yale โดยจุดประสงค์หลักคือการสร้างเครือข่ายของคนเก่งในมหาวิทยาลัย และว่ากันว่ามีพิธีการและข้อจำกัดยุ่งยากมากมายกว่าในการคัดเลือกสมาชิก
อย่างไรก็ตามเมื่อได้เข้าเป็นสมาชิกแล้ว คนในสมาคมนี้ก็มักจะได้รับและให้ช่วยเหลือกันและกันเสมอ ส่งผลให้บรรดาศิษย์เก่าของ Skull and Bones เกือบทุกคนล้วนจะประสบความสำเร็จในชีวิตเสมอ ถึงขนาดที่มีประธานาธิบดีที่มาจากสมาคมนี้ถึง 3 คนเป็นอย่างต่ำเลย
ดังนั้นแม้ Skull and Bones นั้นเอาเข้าจริงๆ แล้วอาจจะเป็นแค่สมาคมที่สมาชิกรักกันมากๆ ธรรมดาๆ ก็เป็นได้
แต่ด้วยความที่พวกเขามักทำตัวลึกลับและไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องราวภายในเท่าไหร่นัก สมาคมนี้จึงมักกลายเป็นอีกกลุ่มคนที่ถูกนำไปสร้างทฤษฎีสมคบคิดมากมายไป
4. ตระกูลรอธส์ไชลด์
ตระกูลรอธส์ไชลด์ (Rothschild) ว่ากันว่าคือชื่อของตระกูลชาวยิวมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ผู้ซึ่งใช้อำนาจคอยควบคุมชักใยผู้นำโลกใบนี้อยู่เบื้องหลังเช่นเดียวกับเอาองค์กรลับด้านบน
โดยตระกูลนี้มีต้นกำเนิดมาจากช่วงยุคกลางของยุโรป เมื่อปี 1528 และที่เชี่ยวชาญในด้านการให้กู้ยืมเงินเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวยเป็นอย่างมาก
ถึงขนาดที่ในช่วงหนึ่งพวกเขาเคยขยายธุรกิจไปตามประเทศต่างๆ ไล่ซื้อหุ้นจนเป็นเจ้าของกิจการดังมากมาย และที่สำคัญมีลูกค้าหลักๆ เป็นกษัตริย์ หรือผู้นำของประเทศ ก่อนที่จะเริ่มเสื่อมอำนาจลงจากการมาของนาซี
อย่างไรก็ตามแม้ในปัจจุบันเราก็ยังคงมีคนไม่น้อยเลยที่เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลนี้ จริงๆ แล้วเป็นแค่แผนการของคนในตระกูลเอง และจนถึงทุกวันนี้จริงๆ แล้ว ตระกูลรอธส์ไชลด์ก็ยังคงปกครองโลกอยู่แบบลับๆ
5. ผู้อาวุโสแห่งไซอัน
นี่คือกลุ่มผู้นำของชาวยิวซึ่งถูกอ้างว่ากำลังร่วมมือกับองค์กรฟรีเมสันในการทำลายอารยธรรมคริสเตียน ยึดครองโลกภายใต้การปกครองร่วมกัน ซึ่งโผล่ออกมาในหนังสือโฆษณาชวนเชื่อ “The Protocols of The Elders of Zion” (พิธีสารของผู้อาวุโสแห่งไซอัน)
หนังสือเล่มนี้เชื่อกันว่าตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1903 โดยประเทศในทางรัสเซีย และประสบความสำเร็จอย่างมากในการปลุกกระแสต่อต้านชาวยิวในประเทศที่นำมันไปตีพิมพ์
แน่นอนว่าเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้แน่นอนว่าในเวลาต่อมาล้วนแต่จะถูกพิสูจน์ว่านั่งเทียนเขียนขึ้นมาล้วนๆ และไม่มีอะไรเป็นความจริงเลย แต่ในเวลานั้นเราก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าผู้อาวุโสแห่งไซอันนั้นมีอยู่จริงๆ
ถึงขนาดที่ Henry Ford เคยให้ทุนสนับสนุนการพิมพ์หนังสือเล่มนี้ 500,000 เล่มเพื่อแจกจ่ายไปทั่วสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1920 เลย
6. อัศวินเทมพลาร์
“อัศวินเทมพลาร์” หรือ “ทหารผู้ยากแห่งพระคริสต์และพระวิหารแห่งซาโลมอน” เป็นคณะทหารคริสตชนที่เคยมีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญอย่างมากในช่วงสงครามครูเสด
โดยพวกเขามีจุดกำเนิดในปี 1099 ซึ่งนักรบครูเสดยึดนครเยรูซาเล็มไว้ได้ชั่วคราว และรับหน้าที่ปกป้องชาวคริสต์ที่จะเดินทางไปแสวงบุญจากชาวมุสลิม
หน้าที่นี้เองทำให้คนจำนวนมากคคิดว่าตนเองเป็นหนี้บุญคุณอัศวินเทมพลาร์จนคณะทหารทหารนี้ได้รับทั้งเงินตราและอำนาจ สามารถสร้างป้อมปราการมากมายทั่วยุโรปและเยรูซาเล็ม
แน่นอนว่าอำนาจนี้เอง ก็ทำให้อัศวินเทมพลาร์เริ่มมีศัตรูตามไปด้วย โดยในราวๆ 2 ศตวรรษหลังจากก่อตั้งในช่วงปี 1312 อัศวินเทมพลาร์ก็ถูกกดดันจากพระเจ้าฟิลิปจนต้องสลายตัวกันไป
อย่างไรก็ตามการสลายตัวของกลุ่มคนที่อยู่มานานกว่า 200 ปีในครั้งนี้สำหรับหลายๆ คนแล้วก็ดูจะปัจจุบันทันด่วนเกินไป จนทำให้หลายๆ คนคาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าอัศวินเทมพลาร์นั้นจริงๆ แล้วอาจจะยังคงมีอยู่
และพวกเขาก็ยังคงปกป้อง “จอกศักดิ์สิทธิ์ของจริง” หรือไม่ก็ปกครองโลกศาสนาเบื้องหลังอยู่ในที่ใดสักแห่งของโลก (บางทีก็ถูกบอกว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรฟรีเมสันไปแล้ว)
เรียบเรียงโดย #เหมียวศรัทธา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก businessinsider, ranker, BillionWay, nationalgeographic, britannica และ history