เคยได้ยินเรื่องราวของทฤษฎีที่มีชื่อว่า “Dark Forest Hypothesis” หรือ “สมมติฐานป่ามืดมิด” กันมาก่อนไหม?
นี่คืออีกถึงทฤษฎีที่พยายามตอบคำถามเก่าแก่ของ Fermi Paradox ที่ว่าถ้ามนุษย์ต่างดาวมีจริงทำไมตลอดเวลาหลายพันปีที่ผ่านมามนุษย์ถึงไม่เคยพบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวเลย ด้วยการเปรียบเทียบจักรวาลเป็นป่าอันมืดมิดนั่นเอง
ทฤษฎี Dark Forest Hypothesis นั้น ถือว่าต่างไปจากทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปพอสมควรเลย เพราะแทนที่มันจะมีที่มามาจากนักวิทยาศาสตร์
ทฤษฎีนี้กลับมีจุดกำเนิดขึ้นมาจากหนังสือนวนิยายไซไฟของคุณ Liu Cixin อย่างเรื่อง “The Dark Forest”
ในเรื่องศาสตราจารย์สังคมวิทยา อดีตนักดาราศาสตร์ และแม่ของเพื่อนที่ตายไปของทั้งสอง ได้สนทนากันเกี่ยวกับเรื่องมนุษย์ต่างดาว
โดยศาสตราจารย์ได้กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตในจักรวาลของเรานั้นล้วนแต่จะพยายามมีชีวิตรอดในจักรวาลที่แม้จะดูกว้างใหญ่แต่จริงๆ แล้วก็มีทรัพยากรที่จำกัด มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่จะต้องแก่งแย่งชิงดีกันในสักวัน
เมื่อเป็นนั้น สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ไม่ว่าจะรักสงบหรือดุร้าย จึงน่าจะ อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ พบปะกับเผ่าพันธุ์อื่นให้น้อยที่สุด โดยคิดไว้ก่อนว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้มาดี ราวกับเรากำลังอยู่ในป่ามืดมิด ที่ไม่รู้ว่าศัตรูอยู่ที่ไหนบ้าง
เพราะหากต้องพบกับสิ่งที่ไม่รู้จักเข้าจริงๆ เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายมาดีหรือมาร้าย ดังนั้นแนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยกับตัวเองที่สุด ก็คงไม่พ้นการกวาดล้างกำจัดสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งหมดก่อนที่ตัวเองจะโดนกวาดล้างนั่นเอง
“จักรวาลนั้นเป็นดั่งป่ามืด… ทุกอารยธรรมคือนักล่าติดอาวุธที่เดินผ่านต้นไม้เหมือนวิญญาณร้าย ค่อยๆ ผลักกิ่งไม้ที่ขวางทาง เดินเงียบๆอย่างไร้เสียง จนแม้แต่การหายใจก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง
พวกเขาต้องระวังตัวทุกฝีก้าวเพราะทุกที่ในป่า
อาจมีนักล่าลอบเร้นอยู่เช่นเดียวกับเขาหากพบชีวิตอื่น ไม่ว่าจะเป็นนักล่าด้วยกัน ทูตสวรรค์หรือปีศาจ ทารกหรือคนแก่ สิ่งเดียวที่เขาจะทำได้ คือเปิดฉากยิง กำจัดพวกมันซะ
ในป่าแห่งนี้การพบสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นั้นคือนรก ภัยคุกคามชั่วนิรันดร์ที่หากสิ่งมีชีวิตใดๆ เผยการดำรงอยู่ของตัวเองจะถูกกำจัด
นี่คือรูปธรรมของอารยธรรมแห่งจักรวาล และเป็นคำอธิบายของ Fermi Paradox ในเวลาเดียวกัน”
ตัวละครศาสตราจารย์สังคมวิทยากล่าวในนวนิยาย The Dark Forest
แน่นอนว่าด้วยความที่ว่าแนวคิดนี้มาจากนวนิยาย แนวคิดของตัวละครในเรื่องจึงอาจจะสุดโต่งอยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกันมันก็อธิบาย แนวคิดเกี่ยวกับแนวคิดที่มีความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิตในอวกาศได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นเราจึงมีผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มที่มองว่าสมมติฐานนี้อาจมีมูลมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจักรวาลแล้ว แนวคิดนี้ยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนมาก เมื่อเราประยุกต์ใช้มันกับโลกออนไลน์
นั่นเพราะในสถานที่ที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครเป็นใคร (นึกถึงการสร้าง ID ปลอมไว้) เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความขัดแย้งจะเกิดขึ้นได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ
และความขัดแย้งเหล่านั้น ก็มีน้อยครั้งมากที่จะจบลงก่อนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพ่ายแพ้และต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปเสียด้วย
ที่มา iflscience และ mindmatters