เป็นเรื่องที่ทราบกันว่าประชากรของสหรัฐฯ ส่วนมากนั้นจะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ และในสมัยก่อนศาสนาคริสต์ ก็ไม่ค่อยจะถูกกับศาสนาอิสลามสักเท่าไหร่
ว่าแต่รู้หรือไม่ว่าในช่วงศตวรรษที่ 18 “คัมภีร์อัลกุรอาน” ของศาสนาอิสลาม กลับเคยเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุด ในหมู่ชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ที่สหรัฐอเมริกาเสียอย่างนั้น
การที่คัมภีร์ของศาสนาหนึ่งกลายเป็น ที่นิยมของอีกศาสนาอาจจะฟังดูเป็นเรื่องแปลกอยู่บ้าง แต่จากคำบอกเล่าของ Denise A. Spellberg ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส การที่ คัมภีร์อัลกุรอานโด่งดังในสหรัฐอเมริกาที่เข้าใจได้อยู่
ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ทำให้คัมภีร์อัลกุรอานโด่งดังขึ้นในสหรัฐฯ แรกเริ่มเดิมทีจะมาจากการที่คนในสมัยนั้นมองว่าคัมภีร์นี้เป็นเหมือนหนังสือกฎหมายของชาวมุสลิม และพยายามใช้มันเรียนรู้เกี่ยวกับจักรวรรดิออตโตมันอย่างในกรณีของ Thomas Jefferson ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของอเมริกา
คัมภีร์อัลกุรอานที่โด่งดังในช่วงนั้น จะเป็นฉบับที่แปลโดยนักกฎหมายชาวอังกฤษชื่อ George Sale ซึ่งเป็นคัมภีร์อัลกุรอานฉบับเดียวที่มีการแปลจากภาษาอาหรับโดยตรง ผิดจากฉบับอื่นๆ ที่แปลมาจากภาษาฝรั่งเศส
จากที่ George เขียนไว้ในหน้าแนะนำตัวผู้แปล เหตุผลที่เขาแปลคัมภีร์อัลกุรอานโดยตรงก็เพื่อให้ ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้อ่านจะได้นำความรู้ไปโต้แย้งความน่าเชื่อถือของศาสนาอิสลามได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตามการแปลคัมภีร์เหล่านี้กลับไม่ได้ถูกใช้ไปอย่างที่เขาคิดเท่าไหร่ เพราะหากดูจากยอดขายหนังสือของเขาแล้ว คงมีชาวคริสต์ไม่น้อยเลยที่สนใจศาสนาอิสลามขึ้นมา จากหนังสือที่เขาแปล
และต่อมาคัมภีร์ที่เขาแปลก็จะกลายเป็น คัมภีร์ที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ สองคน (ซึ่งเป็นชาวมุสลิม) เลือกใช้ ในพิธีสาบานตน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าศาสนาอิสลามก็เป็นหนึ่งในศาสนาที่ได้รับการยอมรับของสหรัฐอเมริกา
ที่มา history
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.