เป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันมาได้สักพักแล้วว่าสรุปแล้ว ‘การกินมังสวิรัติ’ มันดีต่อร่างกายมากกว่า ‘การกินเนื้อสัตว์’ จริงๆ หรือไม่?
เช่นเดียวกันกับงานวิจัยชิ้นนี้ที่ #เหมียวหง่าว อยากจะลองหยิบยกมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันดูครับ เป็นงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ Medical University of Graz ในประเทศออสเตรีย
พวกเขาพบว่าการที่เรารับสารอาหารจำพวกไขมันอิ่มตัว หรือโคเลสเตอรอลน้อย แต่ทานอาหารจำพวกผลไม้ หรือผักเยอะ จะทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ และมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทางจิตมากยิ่งขึ้น
งานวิจัยดังกล่าวนั้นได้ทำการศึกษาจากบรรดาอาสาสมัคกว่า 1,320 คน ประกอบไปด้วย คนกินมังสวิรัติ 330 คน, คนที่กินเนื้อแต่ก็ยังกินผักเป็นจำนวนมาก 330 คน คนที่กินปกติแต่เลือกกินเนื้อน้อยกว่าผัก 300 คน และคนที่กินเนื้อหนักๆ 330 คน
ผลที่ได้ก็คือบรรดาคนที่กินมังสวิรัติจะมีค่า BMI น้อยมากที่สุด แถมยังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องภาวะของจิตใจมากกว่าคนที่ทานเนื้อ
สรุปได้ว่าคนที่ทานมังสวิรัติจะมีสุขภาพที่ดีน้อยกว่า (ในแง่ของโรคมะเร็ง, ภูมิแพ้, และอาการป่วยทางจิต) มีคุณภาพชีวิตที่ดีน้อยกว่า และต้องการการรักษาทางการแพทย์มากกว่าคนที่กินเนื้อร่วมด้วย
แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบาดวิทยา Nathalie Burkert ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Austrian Times ว่า งานวิจัยดังกล่าวมีการ ‘ด่วนสรุป’ เกินไป
“ดิฉันคิดว่ามันมีการตีความที่ผิดจากข้อมูลความเป็นจริงไปสักหน่อย มันจริงอยู่ที่คนกินมังสวิรัติจะมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเหล่านี้ (โรคหอบหืด, มะเร็ง, และอาการป่วยทางจิต) มากกว่าคนที่กินเนื้อควบคู่ไปด้วย แต่เราไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเหล่านี้”
“เพราะบางครั้งมันอาจขึ้นอยู่กับพฤติกรรมอื่นๆ ของอาสาสมัครก็เป็นได้ อย่างเช่นการสูบบุหรี่ หรืออยู่ในแหล่งที่มีมลพิษ เป็นต้น เราจะต้องทำการศึกษากันเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนกันต่อไป”
ที่มา : independent, journal plos, ladbible
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.