สำหรับชาวอียิปต์โบราณแล้ว การถูกจดจำหลังจากที่ตายไปนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นการที่นักโบราณคดีพบว่าใบหน้าของรูปสลักโบราณในอดีต ที่เคยถูกลบทิ้งไปในสมัยก่อน จึงทำให้การค้นพบที่ดูจะธรรมดาๆ ในครั้งนี้กลายเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาไป
นี่เป็นรูปสลักหินปูนของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งมีการค้นพบในวิหารโบราณที่ Tell Edfu เมืองโบราณทางตอนใต้ของประเทศอียิปต์ และมีจุดเด่นที่ใบหน้ากับตัวอักษรที่สลักไว้แสดงชื่อและอาชีพถูกลบออกไป เหลือเอาไว้เพียงรูปสลักที่ดูไม่ออกว่าจริงๆ แล้วเป็นของใคร
ร่องรอยการลบใบหน้าที่พบนั้นมีความเก่าแก่มากเกินกว่าที่จะเป็นฝีมือของคนในปัจจุบัน ดังนั้นนักโบราณคดีจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่ารูปปั้นทั้งสองรูปนี้ น่าจะถูกลบใบหน้าไป หลังจากที่บุคคลที่เป็นต้นแบบของมันเสียชีวิตไปได้ไม่นานเท่านั้น
Nadine Moeller ผู้ดูแลโปรเจกต์การขุดค้นที่ Tell Edfu เล่าว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ซึ่งลบใบหน้าออกจากรูปปั้นจะอยากลบบุคคลที่เป็นต้นแบบของลูกปั้นออกไปจากความทรงจำของผู้คนด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
วิหารในเมือง Tell Edfu สถานที่ที่มีการค้นพบรูปสลัก
อย่างไรก็ตามจากการที่คนอียิปต์เชื่อว่าการสลักใบหน้าและชื่อของตัวเองจะช่วยให้เทพสามารถติดตามกรรมในด้านดีของพวกเขาได้ในโลกหลังความตาย ก็ทำให้มีความเป็นไปได้มากที่ใครก็ตามที่ลงมือลบชื่อและใบหน้าของคู่สามีภรรยาคู่นี้ จะทำไปด้วยความประสงค์ร้าย
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดการกระทำของคนคนนั้นก็ทำให้การถอดรหัสอักษรที่เคยมีอยู่บนรูปปั้นเป็นไปได้อย่างยากลำบากมาก โดยจนถึงปัจจุบันนักโบราณคดียังคงบอกได้เพียงว่าทั้งสองมีคำนำหน้าที่ใช้กับชนชั้นสูงก็เท่านั้น
แต่แม้ว่าการค้นพบรูปสลักในครั้งนี้จะดูน่าสนใจมากๆ ก็ตาม รูปสลักที่พบก็ไม่ใช่โบราณวัตถุเพียงชิ้นเดียวที่มีการขุดพบในวิหารแห่งนี้เสียทีเดียว
เพราะนักโบราณคดียังมีการค้นพบรูปปั้นแกะสลักด้วยหินสีดำของชายที่ชื่อว่า “Juf” ที่กำลังถือกระดาษปาปิรุส และมีความสมบูรณ์ไม่ได้ถูกทำลายอีกด้วย
ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันนักโบราณคดีจะยังไม่อาจฟันธงได้ว่า โบราณวัตถุทั้งสองจะเป็นของชายคนเดียวกันหรือไม่ แต่นักโบราณคดีก็ยังไม่ละทิ้งความเป็นไปได้ที่ว่ารูปปั้นรูปนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับรูปสลักไร้หน้าแต่อย่างใด
และในช่วงเวลาที่การขุดค้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์เช่นนี้ เหล่านักโบราณคดีก็หวังกันเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะสามารถหาข้อมูลเพิ่มเต็มเกี่ยวกับคู่สามีภรรยาที่ถูกลบหน้า จากการตรวจสอบวิหารเพิ่มเติมในอนาคต
ที่มา livescience, archaeology
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.