‘นิ่ว’ เป็นอีกภัยหนึ่งที่เราไม่ควรจะละเลย เพราะว่าถ้าเกิดขึ้นมาแล้วมันอาจจะทำให้การทำงานของร่างกายเราเปลี่ยนแปลงไป และอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดทรมานได้ด้วย
เพราะฉะนั้นแล้วทางที่ดีอย่าทำตัวเองให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นจะดีกว่า และนี่อาจเป็นอีกหนึ่งเคสอุทาหรณ์ให้เราได้ชมกันถึงความน่ากลัว เมื่อคุณหมอได้พบนิ่วกว่า 2,000 ก้อนในตัวของผู้หญิงคนหนึ่ง!!
เรื่องราวสุดช็อกนี้เกิดขึ้นกับหญิงแซ่ Wang วัย 39 ปีชาวมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน โดยเธอได้ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า
เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้วเธอไปหาหมอแล้วได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ‘แผลในกระเพาะอาหาร’ แต่ก็ไม่ได้รับการรักษาอะไรให้หายขาด แค่เพียงกินยาบรรเทาอาการเท่านั้นแล้วอาการก็ดีขึ้น เธอจึงนึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากนัก
แต่ว่ามีอยู่วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เธอมีอาการปวดท้องอย่างชนิดที่ว่าไม่สามารถทนได้อีกต่อไป จึงรีบรุดไปยังโรงพยาบาลในทันที ซึ่งทางแพทย์ก็พบว่าเธอมีนิ่วในถุงน้ำดีอยู่
ทว่าเมื่อทางแพทย์ได้ตรวจอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าในถุงน้ำดีของเธอมีนิ่วกว่า 2,000 ก้อนด้วยกัน และทางแพทย์ต้องใช้วิธีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงสามารถนำมันออกมาได้ทั้งหมด
โดยขนาดที่ใหญ่ที่สุดของนิ่วคือมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 1 เซนติเมตร ขณะที่ก้อนที่เล็กที่สุดจะมีขนาดอยู่ที่ 0.2 เซนติเมตร
จริงอยู่ที่ว่านิ่วในถุงน้ำดีสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่จากการสันนิษฐานจากคุณหมอแล้ว นิ่วที่เกิดขึ้นในร่างกายของผู้หญิงคนนี้น่าจะเกิดจากการไม่กินอาหารเช้ารวมถึงการดื่มน้ำน้อย
ซึ่งก็จริงอย่างที่คุณหมอสันนิษฐานเอาไว้ เพราะ Wang เล่าว่าเธอไม่มีงานทำจึงมักจะตื่นสายอยู่บ่อยๆ แล้วก็ข้ามอาหารเช้าไปเลย อีกทั้งเมื่อได้ทานอาหาร เธอชอบที่จะกินอาหารมันๆ เผ็ดๆ เครื่องในสัตว์และหนำซ้ำเธอไม่ชอบดื่มน้ำอีกด้วย
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ชาวเน็ตทึ่งไปตามๆ กันเมื่อได้ทราบว่าการไม่กินอาหารเช้าสามารถทำให้เกิดนิ่วได้ด้วย…
โดยข้อมูลจากทางโรงพยาบาลเปาโล ระบุไว้ว่าการไม่กินข้าวเช้าเป็นประจำสามารถทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วได้จริง!!
เพราะเมื่อร่างกายของเราต้องตกอยู่ในสภาวะท้องว่าง เนื่องจากการที่ไม่มีอาหารเข้าสู่ร่างกายนานกว่า 14 ชั่วโมง จะทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันนานเกินไปนั่นเอง
ที่มา: worldofbuzz, ettoday, paolohospital
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.