เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คน เมื่อเด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่รู้จักกันในชื่อ AJ จากเมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เสียชีวิตลง หลังจากที่เขาได้กิน “พาสต้า” ที่เหลือทิ้งค้างไว้นอกตู้เย็นมานานถึง 5 วัน
จากการรายงานกล่าวว่า พาสต้า (ที่ทำการปรุงสุกแล้ว) ถูกวางทิ้งไว้บริเวณโต๊ะในห้องครัว โดยที่ไม่มีการเก็บไว้ในตู้เย็นแต่อย่างใด จนกระทั่งผ่านไป 5 วัน AJ ก็ได้ตัดสินใจหยิบมันมาอุ่นกิน
เขาเอาเข้าไมโครเวฟแล้วกินเข้าไปตามปกติ ก่อนที่จะออกไปเล่นกีฬานอกบ้านสักครึ่งชั่วโมง พอกลับบ้านมาเขาก็รู้สึกถึงอาการปวดหัวรุนแรง ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน พยายามดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ
AJ อ้วกออกมาเรื่อยๆ นานหลายชั่วโมง จนช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน เขาก็ตัดสินใจที่จะกลับเตียงพยายามข่มตาหลับ
หลังจากผ่านไปได้ประมาณ 11 ชั่วโมง พ่อแม่ของเขาเห็นว่า AJ ไม่ยอมตื่นไปเรียนสักที จึงขึ้นไปปลุกแล้วพบว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว
ผลชันสูตรเผยว่า เขามีอาการของโรค “อาหารเป็นพิษ” จากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus Cereus ซึ่งมีความสามารถในการผลิตสปอร์ และสร้างสารพิษ
จากการกินพาสต้าที่เก็บไว้นอกตู้เย็นนานหลายวัน นำไปสู่ความตายก่อนวัยอันควร
แม้เขาจะพยายามดื่มน้ำเยอะมากขนาดไหนก็ไม่อาจช่วยได้ เพราะจากการทดสอบของห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ที่ดูแลเกี่ยวกับการระบาดของโรคในอาหาร พบว่าพิษในร่างกายของเด็กหนุ่มนั้นรุนแรงจนทำให้ตับของเขาล้มเหลว
ถึงแม้ว่า AJ จะเสียชีวิตลงไปตั้งแต่ปี 2008 แต่เรื่องราวของเขาก็ถือว่าเป็นกรณีร้ายแรงที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์สัญชาติอเมริกัน Journal of Clinical Microbiology
อีกทั้งยังเป็นเหมือนตัวอย่างที่ช่วยย้ำเตือนให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ถูกทิ้งค้างเอาไว้นาน เราควรเช็กกันให้ดีเสียก่อนว่าจะเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ แม้รสชาติไม่เปลี่ยน แต่ผลที่ได้อาจร้ายแรงถึงชีวิตเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.