เทคโนโลยีตามปกติแล้วจะเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ตามยุคตามสมัย ดังนั้นเรื่องที่ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันย่อมมีความสามารถมากกว่าในสมัยก่อนจึงกลายเป็นเหมือนสามัญสำนึกที่ไม่ว่าใครๆ ก็ทราบกันดี
แต่ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลกใบนี้ก็มีอยู่เหมือนกันที่เทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์จากในอดีตจะมีความล้ำสมัยผิดกับช่วงเวลาที่สร้างขึ้นมาเช่นกัน จนบางครั้งคนในปัจจุบันก็ถึงกับต้องงงเลยว่าคนในสมัยก่อนคิดของแบบนี้ออกมาได้อย่างไร เหมือนกันสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำจากในอดีต 4 ชิ้นต่อไปนี้
1. เครื่องจักรไอน้ำ Aeolipile
นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นจากฝีมือของ Heron Alexandrinus (เรียกได้อีกแบบว่า Hero of Alexandria) นักคณิตศาสตร์และวิศวกรแห่งกรีกในช่วงศตวรรษที่ 1 โดยมันเป็นเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำ และถูกตั้งชื่อตามเทพแห่งสายลม “Aiolos”
แถมเมื่อนักวิทยาศาสตร์ลองสร้างแบบจำลองของเครื่องมือชิ้นนี้ขึ้นมา พวกเขาก็พบว่ามันสามารถหมุนได้เร็วสุดๆ ถึง 1,500 รอยตัววินาทีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสามารถนำไปประยุกต์ต่อยอดเป็นอะไรได้หลายอย่างเลยนั่นเอง
2. เลนส์ Nimrud
นี่คือคริสตัลใสอายุราวๆ 3,000 ปี ของชาวแอสซีเรีย อาณาจักรในสมัยเมโสโปเตเมีย ที่ถูกค้นพบในปี 1850 ที่อิรัก และมีความสามารถในการใช้เป็นแว่นขยายขนาด x3 ได้
ตั้งแต่ที่มีการค้นพบเจ้าเลนส์ชิ้นนี้มา เหล่านักโบราณคดีจำนวนมากก็ถกเถียงกันมาโดยตลอดว่าจริงๆ แล้วเจ้าเลนส์ที่เห็นนี้จริงๆ แล้วมีการใช้งานอย่างไรกันแน่ ตั้งแต่ใช้เป็นแว่นขยายแบบตรงๆ ตัว ใช้รวมแสงเพื่อจุดไฟ ไปจนถึงใช้เป็นกล้องดูดาว
แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหนการที่เลนส์แหวนขยายถูกสร้างขึ้นมาในสมัยที่เก่าแก่ขนาดนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เลยอยู่ดี
3. เครื่องจับแผ่นดินไหวของจาง เหิง
จาง เหิง เป็นปราชญ์ชาวจีนในสมัยของราชวงศ์ฮั่น และมีความรู้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือธรณีวิทยา และมีชื่อเสียงในการสร้างเครื่องจับแผ่นดินไหวชิ้นแรกของโลกในปี ค.ศ. 132
โดยนี่เป็นอุปกรณ์ที่มีหัวมังกรหลายหัว และในปากของมังกรที่แต่ละตัวจะมีลูกบอลอยู่ซึ่งหากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ลูกบอลในหัวมังกรที่หันไปทางทิศที่เกิดแผ่นดินไหวจะตกลงมาในปากกบ ทำให้คนในสมัยก่อนสามารถรับรู้ได้อย่างคร่าวๆ ว่าแผ่นดินไหนจะเกิดขึ้นจากด้านไหนนั่นเอง
4. ถ้วย Lycurgus
นี่คือถ้วยจากสมัยโรมันโบราณที่มีอายุมากถึงราวๆ 1,600 ปี ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนสีได้หากโดนไฟส่อง และสร้างความงุนงงแก่นักโบราณดีที่ค้นพบมันในยุค 1950 มาก
อย่างไรก็ตามเมื่อนักวิทยาศาสตร์เอาส่วนของถ้วยไปส่องกล้องจุลทรรศน์ดู พวกเขาก็พบว่าภายในถ้วยนี้มีการผสมทองคำและเงินที่มีขนาดเล็กกว่า 50 นาโนเมตรลงไปทำให้เมื่อมีแสงส่องผ่าน โมเลกุลของทองและเงิน ก็จะสั่นจนทำให้แก้วเปลี่ยนสีไป
นั่นหลายความว่าไม่ว่าจะเพราะความบังเอิญหรือว่าตั้งใจก็ตาม คนโรมันในสมัยนั้นก็ได้มีการใช้นาโนเทคโนโลยี ในการผลิตสิ่งของมาแล้วนั่นเอง
ที่มา ancient-origins
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.