บางครั้งคนเราก็อาจมีอาการหลง อาการเคลิ้มได้แบบที่เราไม่รู้ตัว เหมือนกับชายชาวไอริชคนหนึ่งที่กลืนแหวนเพชรมูลค่าแพงระยับลงไป แต่พอต่อมาเขาก็อ้างว่าที่ทำลงไปทำด้วยความไม่รู้ตัว จากความเคลิบเคลิ้มเมื่อเห็นความงามของแหวน!?
Ian Campbell ชายวัย 54 ปีถูกจับกุมตัวระหว่างทริปการไปเที่ยวรีสอร์ทริมทะเลแห่งหนึ่งในชายฝั่งประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา
ในครั้งนั้นเขาแวะเข้าไปในร้านจิวเวลรี่แห่งหนึ่งในท้องถิ่น จากนั้นก็กลืนแหวนเพชรมูลค่า 40,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 1.2 ล้านบาท) เข้าไปอย่างหน้าตาเฉย
ทางร้านจิวเวลรี่เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที แล้วทางเจ้าหน้าที่ก็พาตัวเขาไปยังโรงพยาบาลด้วยความพยายามว่าจะนำแหวนเพชรวงนั้นออกมาให้ได้
ทางโรงพยาบาลได้เลือกวิธีการให้เขากินยาถ่ายเพื่อขับมันออกมา แต่จนแล้วจนรอดเจ้าแหวนเพชรเจ้าปัญหานี้ก็ไม่สามารถออกมาได้สักที แม้ว่าจะใช้เวลากว่า 36 ชั่วโมงก็ตาม
ในที่สุดแล้วทางโรงพยาบาลจึงจำต้องใช้วิธีผ่าตัดนำแหวนออกมา ซึ่งทั้งนี้ก็ได้รับการยินยอมจากเจ้าตัวเป็นที่เรียบร้อย
นาย Ian ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ถึงวินาทีที่กลืนแหวนเพชรวงนี้ลงไป โดยเขาบอกว่าเขารู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวเองทันทีในวินาทีที่เจอกับแหวนเพชรวงนี้…
“ผมตกอยู่ในภวังค์ทันทีที่เห็นแหวนเพชรวงนี้ ตอนนั้นคนขายบอกอะไรกับผมสักอย่างแต่ผมก็ไม่ได้ยิน ผมคิดว่าผมต้องมนต์อยู่นะตอนนั้น กว่าจะรู้ตัวอีกทีผมพบว่าตัวเองมีแหวนเพชรวงนี้อยู่ในกระเป๋าแล้วกลืนมันไปซะอย่างงั้น” Ian กล่าว
วินาทีที่เขากลืนแหวนลงไป
ทว่านอกจากนี้เขายังอธิบายด้วยว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามีอาการเป็นเช่นนี้น่าจะมาจากการสูญเสียภรรยาของเขา เพราะในตอนนั้นเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต และแหวนแต่งงานของเธอก็หายไปด้วย
ในตอนที่เขาเห็นแหวนครั้งนั้นเขาจึงรู้สึกว่า อย่างไรก็จะต้องนำมันมาครอบครองให้ได้…
“ผมสูญเสียภรรยาไปจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศไอร์แลนด์ ร่างของเธอไม่สามารถนำออกจากรถได้เพราะรถตกไปอยู่ในลำห้วย อุบัติเหตุในครั้งนั้นคร่าชีวิตของเธอไปพร้อมกับแหวนในมือเธอ แหวนแต่งงานของเรา”
“จากนั้นเมื่อผมเห็นแหวนเพชรวงนี้อยู่ในร้านจิวเวลรี่ที่เกิดเหตุ ภาพของภรรยาผมก็เข้ามาในหัวทันที แล้วผมก็รู้สึกว่าต้องนำแหวนมาให้ได้” Ian กล่าว
แต่ถึงอย่างไรแล้วคำแก้ตัวนี้ก็ไม่อาจทำให้เขารอดพ้นจากสิ่งที่ทำลงไป ในตอนนี้คดีของเขากำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาโทษจากชั้นศาลอยู่ และจะมีการตัดสินต่อไป…
ที่มา: odditycentral, blogs.20minutos
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.