ในวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1949 ที่เมือง Guano เมืองเล็กๆ ในประเทศเอกวาดอร์ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นจนกำแพงที่โบสถ์เก่าแก่ในพื้นที่ถล่มลงมา และเผยให้เห็นแจกันขนาดใหญ่ที่ใส่มัมมี่จากศตวรรษที่ 16 เอาไว้
ร่างของมัมมี่ที่พบเชื่อกันว่าเป็นของชายที่ชื่อว่า Fray Lázaro de Santofimia ชายชาวสเปนที่เดินทางมาดูแลโบสถ์ในปี 1565-1572 และยังไม่มีใครฟันธงได้ว่าทำไมศพของเขาถูกนำไปเก็บไว้ในแจกันได้แม้ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามเมื่อล่าสุดนี้เอง นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Philippe Charlier ได้เข้ามาตรวจสอบมัมมี่สุดแปลกร่างนี้อีกครั้ง และแม้ว่าเขาเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมศพของ Fray จึงไปอยู่ในแจกันได้ แต่ Charlier ก็ได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ เกี่ยวกับมัมมี่ที่พบแทน
นั่นเพราะภายในกระดูกของมัมมี่แห่งเอกวาดอร์ที่พบนั้นมีร่องรอยของอาการ “Rheumatoid Arthritis” หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์อยู่ด้วย
นี่นับว่าเป็นการค้นพบที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะแม้ว่าเราจะมีหลักฐานที่ว่าโรคข้ออักเสบมีอยู่ในทวีปอเมริกาตั้งแต่ก่อนโคลัมบัสไปสำรวจ แต่เราไม่มีหลักฐานใดๆ เลยที่บอกว่าโรคโรคข้ออักเสบกระจายไปในยุโรป และลามไปทั่วโลกได้อย่างไร
ดังนั้น Dr. Charlier บอกว่ามัมมี่ของ Fray อาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างในประวัติศาสตร์ที่หายไปของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เลยก็เป็นได้
เพราะการพบว่ามัมมี่ชาวสเปนมีโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์อยู่ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ทฤษฎีที่ว่าโรคดังกล่าวเข้ามาในยุโรปเป็นครั้งแรกจากชาวสเปนที่ไปล่าอาณานิคมในอเมริกาได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามการวิจัยและตรวจสอบบมัมมี่แห่งเอกวาดอร์ที่เก็ดขึ้นนั้นยังไม่ได้เสร็จสิ้นลงโดยสมบูรณ์แต่อย่างใด ทำให้ในปัจจุบันเรายังมีโอกาสที่จะพบข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จากมัมมี่สุดประหลาดร่างนี้อีกมากในอนาคต
ที่มา ancient-origins และ thesun
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.