หลังจากที่ได้รับการเปิดเผยรายละเอียดจากสื่อต่างประเทศไปบางส่วน กรณีของนักวิ่งบนเส้นทางธรรมชาติ ถูกสิงโตภูเขาจู่โจมหมายเอาชีวิต แต่สามารถป้องกันตัวเองและปลิดชีพมัน จนเอาชีวิตรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: สรุปประเด็น “นักวิ่ง” ปลิดชีพ “สิงโตภูเขา” ด้วยมือเปล่า หลังออกไปวิ่งแล้วโดนจู่โจม
โฆษกอุทยานเผยต่อสื่อ นักวิ่งผู้พิชิตสิงโตภูเขาด้วยมือเปล่า ทำเพื่อป้องกันตัวเองเอาชีวิตรอด
Travis Kauffman
ล่าสุดนี้ ชายผู้ฆ่าสิงโตภูเขาด้วยมือเปล่า ได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วยตัวเองแล้ว เขาคือนาย Travis Kauffman ชายวัย 31 ปี จากรัฐโคโลราโด
โดยในช่วงวันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2019 เขาได้ออกแถลงข่าวต่อหน้าสื่อว่า เพิ่งย้ายมาอยู่ในเขตฟอร์ตคอลลินส์ เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว มีความชื่นชอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งอย่างการขี่จักรยานและเล่นสกี และเพิ่งหันมาสนใจวิ่งเทรลเมื่อช่วงปีที่แล้ว
เส้นทางวิ่งและจุดเกิดเหตุ
ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่เขากำลังฝึกซ้อมวิ่งเทรลระยะ 50 กิโลเมตรที่กำลังจะจัดแข่งในช่วงเดือนมิถุนายน เขาออกไปซ้อมวิ่งโดยไม่คิดอะไร แต่แล้วก็ได้ยินเสียงจากข้างหลัง ปรากฏว่าเป็นสิงโตภูเขาพุ่งเข้ามากัดข้อมือ
การต่อสู้ของเขาเปรียบเหมือนกับการเล่นมวยปล้ำกับแมวยักษ์ อีกทั้งกล่าวว่าจากการที่ได้เลี้ยงแมวมา ทำให้เขารู้ว่าควรจะสู้กับมันยังไง
“ผมเพิ่งจะเลี้ยงแมวมาได้ไม่นาน ผมรู้ว่ากรงเล็บในส่วนเท้าหลังนั้นอันตรายมากๆ หากถูกนำมาใช้โจมตี และผมกังวลว่ากรงเล็บจะจมเข้าบริเวณท้องกับขาหนีบ”
ด้วยเหตุนี้ Kauffman จึงตรึงขาส่วนหลังของมันเอาไว้ พยายามตีมันด้วยไม้และหิน จนกระทั่งสามารถขึ้นคร่อมและยันเข้าที่คอของมัน เพื่อทำให้หมดลมหายใจ
เมื่อสิงโตภูเขาสิ้นใจแล้ว เขาจึงรีบวิ่งออกมาจากจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุด คาดว่าระยะว่าที่ต่อสู้กันนานถึง 10 นาที และเป็นช่วงที่เขามีความรู้สึกกลัวแบบสุดขีด
การลงพื้นที่เพื่อชี้จุดเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่อุทยาน
ภายหลังจากนั้น เขาก็ได้พบกับผู้คนที่ผ่านทางมา พาไปส่งขึ้นรถและขับรถให้พาไปส่งโรงพยาบาล ด้านแฟนสาว Annie Bierbower พอได้ทราบข่าวก็รีบมาหาเขาทันที โชคดีที่ไม่มีอวัยวะส่วนใดขาดหายไป
ร่องรอยของสิงโตภูเขาที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ
ทั้งนี้ Kauffman ได้รับบาดเจ็บทั้งใบหน้า คอ ข้อมือ และขา ต้องเย็บบาดแผลบนใบหน้า 25 เข็มและอีก 3 เข็มบริเวณข้อมือ
ภาพของนาย Kauffman หลังจากมาถึงโรงพยาบาลในวันเกิดเหตุ
.
.
.
อย่างไรก็ดี อาการของเขาไม่ได้สาหัสมากนัก ไม่ได้ส่งผลกระทบถึงขั้นขยับร่างกายไม่ได้ในระยะยาว และพร้อมที่จะวิ่งแข่งในระยะไม่เกิน 16 กิโลเมตรแล้ว
เขาตั้งใจว่าจะลงแข่งวิ่งเทรลเหมือนเดิม ประสบการณ์เฉียดตายที่พบเจอมา ไม่อาจหยุดยั้งได้ แต่แนะนำว่าใครก็ตามที่ลงแข่งวิ่งเทรลในเขตที่มีสัตว์ป่าดุร้าย ไม่ควรใส่หูฟังเด็ดขาด ถ้าหากวันนั้นเขาใส่หูฟัง ก็อาจจะไม่ได้ยินต้นเสียงดังกล่าว
คลิปการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน
คลิปให้สัมภาษณ์กับทางอุทยาน
ที่มา: kunc, buzzfeednews, ladbible
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.