ชายเวียดนามพบรักต้องห้ามกับสาวเกาหลีเหนือ รอคอย 35 ปีถึงจะได้แต่งงานกัน

นี่เป็นอีกเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้

 

เมื่อประมาณ 48 ปีก่อน ชายชาวเวียดนามชื่อว่า Pham Ngoc Cahn ได้ถูกส่งไปเรียนหนังสือที่ประเทศเกาหลีเหนือ และที่นี่เองที่ทำให้เขาได้พบกับ Ri Yong Hui สาวชาวท้องถิ่นที่กลายเป็นเจ้าสาวของเขาในอีก 4 ทศวรรษต่อมา

ในปี 1967 Cahn เป็นหนึ่งในนักเรียนจำนวน 200 คนที่เวียดนามส่งไปศึกษาหาความรู้ในประเทศเกาหลีเหนือ โดยมีจุดมุ่งหมายคือนำความรู้มาพัฒนาประเทศหลังจากสงครามระหว่างเวียดนามกับประเทศสหรัฐอเมริกาได้จบลง

 

Cahn และ Ri มาบอกเล่าชีวิตรักของทั้งคู่

 

แต่เรื่องราวความรักของเขาเกิดขึ้นในวันหนึ่งของหลายปีถัดมา ในวันนั้นหนุ่ม Cahn ได้รับโอกาสไปฝึกงานที่โรงงานทำปุ๋ยแห่งหนึ่งทางฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือในฐานะนักศึกษาวิศวกรรมเคมี และที่นี่เองได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

ในวันที่เข้าไปฝึกงาน เขาได้สังเกตเห็นสาวสวยคนหนึ่งทำงานอยู่ในห้องแล็บและนั่นก็คือ Ri นั่นเอง ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันกลายเป็นรักแรกพบให้กับทั้งคู่ทันทีที่ได้สบสายตากัน

“ในช่วงเวลาที่ได้เห็นเขา ฉันก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาจับใจเพราะรู้สึกว่ารักครั้งนี้มันไม่สามารถเป็นความจริงได้” คุณ Ri ในวัย 70 ปีเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟัง

 

 

สำหรับ Cahn แล้วเขารู้ตัวในทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาจะต้องแต่งงานด้วย ในตอนนั้นเขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเดินเข้าไปขอที่อยู่ของเธอ

“ผมบอกกับตัวเอง ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ให้ได้” Cahn ในวัย 70 ปีเล่าเรื่องนี้อย่างมีความสุข

“ทันทีที่ฉันเห็นเขาฉันก็รู้เลยว่าต้องเป็นเขานี่แหละ เขาดูงดงามมากๆ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันเห็นคนหล่อคนอื่นๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอีกเลย แต่พอเป็นเขาเปิดประตูเข้ามามันกลับทำให้ใจฉันละลายอย่างไม่น่าเชื่อ” Ri กล่าวเสริม

 

 

แต่ก็เป็นโชคร้ายที่เป็นไปดั่งที่ฝ่ายหญิงคาดการณ์เอาไว้ เพราะในเวลานั้นมีกฎของทั้งสองประเทศระบุเอาไว้ว่าไม่ให้คบหากับชาวต่างชาติ และกฎนี้เองทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ดั่งที่ใจหวัง

หนำซ้ำ Cahn ยังเคยได้ข่าวมาว่ามีเพื่อนของเขาถูกจับได้ว่าคบหากับสาวท้องถิ่นจนทำให้ถูกลงโทษอย่างหนัก…

 

 

เขาจึงต้องแอบคบกับเธออย่างลับๆ ด้วยการแต่งตัวเป็นชาวเกาหลีเหนือนั่งรถบัสนานกว่าสามชั่วโมงรวมทั้งเดินเท้าอีกกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อไปแอบเจอกับเธอในทุกๆ เดือน และเขาก็ทำอย่างนั้นเสมอมาจนกระทั่งจำต้องกลับเวียดนามในปี 1973

“ผมแอบไปบ้านเธอแบบลับๆ เหมือนกับกองโจรเลยล่ะ”

“ผมไม่เห็นด้วยหรอกนะกับระบบสังคมนิยมที่ห้ามไม่ให้คนรักกันน่ะ” Cahn กล่าว

 

 

จริงๆ แล้วสำหรับตัวของ Cahn เขาเป็นถึงลูกชายของนายทหารระดับสูง แต่ก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนาม ซึ่งนั่นเป็นการติดสินใจหลังจากเรียนจบแล้วกลับไปอยู่บ้านที่เมืองฮานอย

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง 5 ปีต่อมาเขามีโอกาสได้กลับไปเกาหลีเหนืออีกรอบ ซึ่งในครั้งนี้เองเขาได้พบกับ Ri อีกครั้ง ทว่าก็ต้องลาจากกันไปด้วยความเจ็บช้ำที่มากกว่าเก่าเพราะจากนี้ต่างฝ่ายก็ไม่มีใครรู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือไม่…

 

 

ด้วยความที่ชายหนุ่มคนนี้หลงรักเข้ากับ Ri อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ครั้งหนึ่งเขาเคยเขียนจดหมายขอร้อง หมายจะส่งไปให้ถึงรัฐบาลเกาหลีเหนือในเวลานั้น ด้วยคำขอร้องอนุญาตให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้

แต่ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกความคิดและขอให้ Ri รอเขาในภายภาคหน้าแทน

“ตอนที่เธอเห็นจดหมาย เธอถามผมว่า ‘นี่นายตั้งใจจะเปลี่ยนใจรัฐบาลของฉันจริงๆ หรือ’” Cahn กล่าว

และนอกจากเรื่องรักซ่อนๆ นี้แล้ว ยังมีเรื่องโชคร้ายอีกอย่างเกิดขึ้นในปีเดียวกัน เพราะในตอนนั้นเวียดนามได้ทำการบุกเข้าพื้นที่ประเทศกัมพูชา

ซึ่งกลายเป็นเรื่องบาดหมางกับประเทศจีน (ทางเกาหลีเหนือได้เข้ากับฝ่ายจีน) จึงทำให้การส่งจดหมายหากันระหว่างทั้งคู่ต้องยุติลง

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้ Ri เศร้ามากๆ จนทำให้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่ช่วงหนึ่งด้วยความคิดถึง Cahn

“แม่ของฉันร้องไห้ออกมาเลยตอนที่ดูแลฉันตอนนั้น” Ri กล่าว

แต่จะอย่างไรก็ตามหลังจากสงครามสงบลง Cahn ก็ได้กลับไปที่เกาหลีเหนืออีกหนหนึ่งในนามของล่ามแปลภาษาให้กับหน่วยงานกีฬา ทว่าครั้งนี้เขาก็ไม่ได้พบกับสาวในฝันของเขาแต่อย่างใด

ทว่าพอเขากลับไปที่บ้านในฮานอยอีกครั้ง เขาก็พบกับจดหมายฉบับหนึ่งที่ถูกส่งมาโดย Ri และเนื้อความที่อยู่ในจดหมายฉบับนั้นก็คือข้อความที่บอกว่าเธอยังคงรักเขาอยู่…

 

 

เรื่องรักของทั้งคู่ยังคงคาราคาซังเหมือนหนังสือที่ยังไม่มีตอนจบ จนกระทั่งในช่วงปลายสมัย 1990 ประเทศเกาหลีเหนือต้องประสบกับภาวะความอดอยากอย่างหนัก นาย Cahn จึงเห็นช่องว่างในตรงนี้

เขาได้ทำการรวบรวมเงินบริจาคจากเพื่อนๆ แล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อข้าวสารจำนวน 7 ตันบริจาคให้กับเกาหลีเหนือ

ขณะเดียวกันทางประเทศเวียดนามในขณะนั้น กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับประเทศฝั่งตะวันตก จึงไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือความลำบากของเกาหลีเหนือในครั้งนี้

 

 

ในที่สุดแล้วการกระทำอันกล้าหาญและความมีน้ำใจของนาย Cahn ก็ได้ทำให้เขากับ Ri ได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง และรัฐบาลเกาหลีเหนือก็ซาบซึ้งกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก

และที่มากไปกว่านั้นก็คือระบบทางสังคมของเกาหลีเหนือได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งนั่นเป็นผลทำให้คนในชาติสามารถแต่งงานกับชาวต่างชาติได้นั่นเอง

งานแต่งงานของทั้งคู่ได้มีขึ้นในปี 2002 ที่สถานฑูตเวียดนามในกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ หลังจากที่รอคอยการอยู่ด้วยกันมานาน 40 ปี และต่อมาทั้งคู่ก็ย้ายมาอยู่ที่ฮานอยอย่างมีความสุขจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

“ในที่สุดแล้วความรักก็สามารถเอาชนะสังคมนิยมได้” Cahn กล่าวปิดท้าย

 

ที่มา: nextshark, reuters


Tags:

Comments

Leave a Reply