เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมาโบสถ์เซนต์ไมเคิลที่เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ได้มีการแจ้งความกับตำรวจว่าถูกคนร้ายไม่ทราบชื่อและหน้าตาบุกเข้ามาทำลายมัมมี่โบราณ และขโมยชิ้นส่วนบางส่วนไป
จากคำให้การของเจ้าหน้าที่ในโบสถ์พวกเขาพบว่าห้องเก็บของใต้ดินของโบสถ์ถูกใครบางคนบุกเข้าไปในช่วงบ่ายวันจันทร์ ก่อนที่จะพบว่ามัมมี่ “The Nun” ที่มีอายุ 400 ปี และมัมมี่ “The Crusader” ที่มีอายุ 800 ปีของโบสถ์นั้นมีร่องรอยการถูกทำให้เสียหายอยู่
ทางโบสถ์ได้รายงานกับตำรวจว่ามัมมี่ The Nun นั้นถูกหักส่วนหัวไป 180 องศา ส่วนมัมมี่ The Crusader นั้นถูกตัดศีรษะออกจากลำตัว ก่อนที่จะขโมยส่วนศีรษะออกจากโบสถ์ไป
มัมมี่ The Crusader นั้น ถูกเชื่อโดยเหล่านักโบราณคดีว่าเป็นหนึ่งในทหารที่เข้าร่วมสงครามครูเสดครั้งที่ 4 ในช่วงปี 1202-1204 ซึ่งกลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติจากการที่ร่างของเขาถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของใต้ดินที่ทำจากอิฐหินปูน และดูดเอาความชื้นในอากาศไปจนหมด
มัมมี่ทั้งของตัวนี้นับว่าเป็นมัมมี่ที่มีความสำคัญสำหรับโบสถ์แห่งนี้มาก เพราะไม่เพียงแต่มัมมี่ทั้งสองจะมีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ แต่มัมมี่เหล่านี้ยังนับว่าเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวหลักของโบสถ์เลยด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มัมมี่ในโบสถ์แห่งนี้ถูกทำลายแต่อย่างใด เพราะในปี 1996 เอง ห้องเก็บของใต้ดินในโบสถ์ก็เคยถูกเด็กๆ ในพื้นที่บุกเข้าไป “เล่นฟุตบอล” จนมัมมี่เสียหายไปจำนวนหนึ่งมาแล้ว
ถึงอย่างนั้นก็ตามการบุกเข้าไปตัดหัวมัมมี่ก็นับเป็นการกระทำที่อุกอาจที่สุดเท่าที่ทางโบสถ์เลยเจอมาอยู่ดี และทางตำรวจเองก็กำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ในปัจจุบัน
ที่มา livescience และ globalnews
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.