เป็นเรื่องที่หลายๆ คนทราบกันว่าในปีคริสต์ศักราชที่ 79 ภูเขาไฟวิซุเวียส ได้เกิดระเบิดขึ้น และทำให้ผู้คนนับพันจากในเมืองปอมเปอี ต้องถูกฝังอยู่ใต้เถ้าภูเขาไฟ และทำให้เมืองปอมเปอีกลายเป็นเมืองร้างที่ไร้ซึ่งชีวิตไป
แต่ก็เช่นเดียวกับภัยพิบัติอื่นๆ ของโลก แม้ว่าคนในปอมเปอีและเสียชีวิตไปมากแค่ไหน มันก็ย่อมต้องมีผู้รอดชีวิตอยู่บ้าง ถึงจะน้อยมากก็ตาม และเรื่องราวของคนเหล่านี้เองที่เหล่านักโบราณคดีสนใจ จนเกิดเป็นงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Analecta Romana
นี่เป็นงานวิจัยที่เกิดขึ้นจากคำถามที่ว่าเหล่าผู้รอดชีวิตจากปอมเปอีนั้นไปอยู่ที่ไหนต่อกันแน่ ซึ่งจัดทำขึ้นโดยคุณ Steven Tuck ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยไมอามี โดยอาศัยหลักฐานทางโบราณคดีทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร วัตถุโบราณ และบันทึกในสมัยนั้น
แน่นอนว่าหากนึกถึงความสามารถในการเดินทางของคนในสมัยนั้น คนที่ไร้บ้านก็ไม่น่าจะเดินทางได้ไกลนัก คุณ Steven จึงตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าชาวปอมเปอีน่าจะกระจายกันไปอยู่ที่เมืองรอบๆ โดยเฉพาะเมืองท่า อย่างเมือง Cumae, Naples, Ostia และ Puteoli
หนึ่งในข้อมูลที่ Steven ใช้ในการระบุเมืองเหล่านี้ มาจากบันทึกการบูชาเทพ Vulcanus อันเป็นเทพแห่งไฟ (และภูเขาไฟ) หรือไม่ก็ Venus Pompeiana เทพประจำปอมเปอี ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในบรรดาเมืองที่คนจากปอมเปอีลี้ภัยไปอยู่
โดยในบรรดาเมืองที่กล่าวมาข้างบนนั้น เมืองที่น่าสนใจที่สุดที่มีหลักฐานว่าคนจากปอมเปอีลี้ภัยไฟคือเมือง Naples เนื่องจากในเมืองนี้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่า มีชายชื่อว่า Cornelius Fuscus ลี้ภัยมาจากปอมเปอี และเข้ามาเป็นทหารอยู่
นอกจากนี้เองคำว่า “HAVE” ที่ถูกเขียนไว้คนสุสานของครอบครัว Vettia Sabin ในเมืองนี้เอง ก็เป็นภาษาถิ่นของปอมเปอีก่อนจะถูกโรมันยึดครองแปลว่า “ยินดีต้อนรับ” เช่นกัน แถมยังเป็นตัวอักษรแบบเดียวกับที่เคยมีการพบที่ปอมเปอีด้วย
นั่นทำให้มีความเป็นไปได้ที่ครอบครัว Vettia Sabin นั้นจะเป็นคนจากเมืองปอมเปอีเอง หรือไม่ก็เป็นลูกหลานของคนจากปอมเปอีเอง
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะบอกว่า แม้เมืองปอมเปอีจะหายไปแล้วก็ตาม แต่ทั้งผู้คนและวัฒนธรรมของเมืองแห่งนี้จะยังถูกส่งต่อไปตราบนานเท่านาน
ที่มา livescience
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.