โดยปกติเรามักจะจ่ายค่าเข้าให้กับสวนสนุกหรือสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า แต่รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ประเทศอิตาลีเตรียมเก็บค่าเข้าในการเข้าชมเมืองเวนิสเป็นแห่งแรกแล้ว
เหตุผลที่ต้องเก็บค่าเข้าเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนั้นมากขึ้นในทุกๆ ปี โดยมีจำนวนอย่างต่ำคือปีละ 25 ล้านคน
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวเมืองแห่งนี้มักจะเลือกทัวร์แบบหนึ่งวันเท่านั้น กิจกรรมท่องเที่ยวที่นิยมจะมีแค่นั่งเรือชมเมือง รวมทั้งปิกนิกตอนกลางวันมากกว่า มันเลยทำให้รายได้ไม่หมุนเวียนในธุรกิจของคนพื้นที่มากนัก (อ้างอิงจากสำนักข่าว Reuters)
พระราชวังดอจ์ด ที่เวนิสประเทศอิตาลี
มาตรการเก็บเงินค่าเข้าสถานที่เริ่มมีผลตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเก็บค่าเข้าคนละ 3 ยูโร (ประมาณ 108 บาท) สำหรับท่องเที่ยวในเมืองนี้ตลอดทั้งวัน ส่วนค่าเข้าในวันถัดไปสามารถเข้าไปเช็คที่เว็บไซต์ World Heritage
ส่วนราคาสำหรับเข้าเที่ยวสถานที่มรดกโลกอย่างคลองเมืองเวนิสอาจสูงขึ้นไปถึง 10.11 ยูโร หรือ 365 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้เมืองเวนิซเองมีมาตรการเก่า คือเก็บนักท่องเที่ยวที่ค้างคืนอยู่แล้ว
แท้จริงแล้วคนท้องถิ่นของเมืองเวนิสลดลงหลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จากประชากรจำนวน 175,000 คนเหลือเพียงแค่ 50,000 แต่ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมีตัวเลขที่สูงมากขึ้น
ทางการเวนิสเลยอยากที่จะแก้ไขปัญหา การเพิ่มของนักท่องเที่ยวแต่รายได้คนในพื้นที่ไม่หมุนเวียนมากพอด้วยการ ปรับเปลี่ยนให้เมืองแห่งนี้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ทั้งเมืองไปเลย
Luca Zaia ผู้ว่าราชการจังหวัดของเขตเวโนโตที่มีเมืองหลักคือเวนิสกล่าวว่า
“เมืองเวนิสควรจะได้รับความเอาใจใส่มากกว่านี้ เพราะมันเป็นเมืองที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์, สนามกีฬา, โรงหนังเก่า, รถไฟโบราณและเครื่องบิน เราควรที่จะวางแผนสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการอนุรักษ์เมืองแห่งและคนที่ได้รับประโยชน์ก็คือตัวนักท่องเที่ยวเอง”
หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ travelandleisure ได้เลย
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.