หากกล่าวถึงโรคภัยไข้เจ็บที่คร่าชีวิตมนุษย์เราไปมากมาย เชื่อว่าโรคเอดส์ที่มีต้นกำเนิดมาจากเชื้อไวรัส HIV (Human immunodeficiency virus) ต้องเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
โรคเอดส์คือระยะร้ายแรงของเชื้อ HIV ที่จะส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้ กล่าวได้ตั้งแต่ยุคอดีตที่ผ่านมา มนุษย์พยายามหาวิธีการรักษาเพื่อหยุดโรคร้ายนี้ให้ได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งการรอคอยย่อมมีวันสิ้นสุดลง…
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2019 ทีมแพทย์จากประเทศอังกฤษได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ป่วยชาวอังกฤษผู้ไม่ประสงค์ออกนามได้เข้ารับการรักษาเชื้อไวรัส HIV ตามกระบวนการ
หลังจากพบว่าตัวเองติดเชื้อตั้งแต่ปี 2003 จนกระทั่งในปี 2016 เขาตัดสินใจเข้ารับการรักษา พร้อมกับอาการแทรกซ้อนที่กลายเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ทีมแพทย์ทำการรักษาด้วยวิธีการปลูกถ่ายไขกระดูก โดยรับเซลล์จากผู้บริจาคที่มียีนส์กลายพันธุ์ CCR5 Delta 32 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ต่อต้านเชื้อไวรัส HIV ได้
เซลล์พร้อมยีนส์ CCR5 ได้ถูกปลูกถ่ายและเจริญเติบโตในร่างกายผู้ป่วย ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า “การรักษาด้วยยาต้านไวรัส” (Antiretroviral treatment หรือ ART) พร้อมกับรับประทานยาต้านเชื้อ HIV ควบคู่กันไป
ถึงแม้จะมีผลข้างเคียงอย่างรุนแรงจากการรักษาในช่วงแรก แต่หลังจากผลข้างเคียงหายไปนั้น ทีมแพทย์ก็พบว่าไม่พบเชื้อไวรัส HIV ในตัวผู้ป่วยแล้ว…
Ravindra Gupta
Ravindra Gupta ผู้เป็นทั้งนายแพทย์ อาจารย์ และนัก HIV วิทยา หนึ่งในทีมแพทย์ผู้ให้การรักษาผู้ป่วยรายนี้ ได้ออกมากล่าวว่าการรักษาผ่านไปด้วยดี และอาการของผู้ป่วยก็ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถือว่ายังเร็วเกินไปหากจะรีบสรุปว่าผู้ป่วยหายขาดจากเชื้อไวรัส HIV และโรคเอดส์ ทีมแพทย์ยังต้องติดตามผลการรักษา และผลข้างเคียงจากการรักษาอย่างต่อเนื่อง
Timothy Ray Brown ได้รับการรักษาเชื้อ HIV ในปี 2007 ปัจจุบันได้หายขาดจากเชื้อดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน
การรักษาเชื้อไวรัส HIV ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่ประสบความสำเร็จไปด้วยดี หลังจากที่นาย Timothy Ray Brown ผู้ป่วยชาวอเมริกัน ที่พำนักอยู่ในประเทศเยอรมนี ได้รับการรักษาในวิธีการเดียวกันตั้งแต่ปี 2007
และถึงแม้ว่าการรักษาด้วยวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูง และยังไม่เหมาะสมกับประชาชนทั่วไป แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมนุษย์เพื่อหาทางเอาชนะเชื้อไวรัส HIV กันต่อไป
การแถลงข่าวหายขาดจากเชื้อดังกล่าวของ Timothy Ray Brown ในปี 2012
ที่มา: nature, time, BoredPanda, abc, dailymail, nytimes, Ladbible
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.