“โอริโอ้” คือขนมคุ๊กกี้และครีมที่เชื่อว่าน่าจะเป็นของโปรดของใครหลายคน ด้วยรสชาติที่หวานนุ่มลิ้นจากครีม บวกกับสัมผัสที่กรุบกรอบจากคุ๊กกี้
นอกจากสโลแกน “บิด ชิมครีม จุ่มนม” แล้ว วันนี้เราจะมานำเสนอ 13 เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้ เกี่ยวกับขนมที่โด่งดังไปทั่วโลกนี้
1. โอริโอ้กำเนิดขึ้นในปี 1912
โอริโอ้ถูกผลิตครั้งแรกในปี 1912 โดยบริษัท Nation Biscuit Company (Nabisco) เป็นหนึ่งในสาม “บิสกิตชั้นสูงที่สุด” ที่บริษัทปล่อยออกมาเคียงข้างกับ Mother Goose บิสกิต และ Veronese บิสกิต
ภายหลัง บิสกิตทั้งสองแบบได้จากไป แต่โอริโอ้ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
2. Oreo เป็นทั้งคำนามเอกพจน์และพหูพจน์
ในภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะมีโอริโอ้จำนวนกี่ชิ้น คำว่า Oreo ก็จะไม่เติม s เข้าไป เพราะ Oreo เป็นทั้งคำนาม เอกพจน์ และพหูพจน์
ในโซเชียลหรือเว็บไซต์หลักของโอริโอ้ เราจะเห็นได้ว่าทางแบรนด์เรียกตัวเองว่า “Oreo cookies” ในตอนที่อ้างอิงถึงคุ๊กกี้ของพวกเขาที่มากกว่าหนึ่งชิ้น
3. ทฤษฏีต้นกำเนิดชื่อของโอริโอ้
ไม่มีใครทราบว่าชื่อโอริโอ้มาได้อย่างไร เพราะ Nabisco ไม่เคยออกมาเผย แต่มีทฤษฏีที่ผู้คนคิดกันขึ้นมาเอง นั่นก็คือ ตัว “O” คือคุ๊กกี้สีดำที่ประกบข้างหน้าและข้างหลัง ส่วน “re” ตรงกลางก็มาจากคำว่า “Cream”
นอกจากนี้ เนื่องจากแพ็คเกจดั้งเดิมของโอริโอ้ที่เป็นสีทอง ก็ทำให้เกิดทฤษฏีอย่างอื่นขึ้นว่า คำว่า “or” มาจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “ทอง”
หรืออีกหนึ่งทฤษฏีก็คือ โอริโอ้มาจากคำว่า “Oreodaphne” ซึ่งมันคือใบไม้ที่เป็นลวดลายอยู่บนคุ๊กกี้ของแบรนด์ “Hydrox” ที่เป็นแรงบรรดาลใจให้โอริโอ้
4. สัดส่วนของครีม
โอริโอ้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นแบบธรรมดา แบบมินิ หรือแบบบาง สัดส่วนของขนมชิ้นนี้จะเท่ากันทุกชิ้นโดยมีคุกกี้ 71% และครีม 29%
5.ก่อนจะมาเป็น “บิด ชิมครีม จุ่มนม”
โอริโอ้ได้เปลี่ยนสโลแกนมาแล้วหลายครั้ง ในปี 1950 พวกเขาใช้คำว่า “โอ้! โอ้! โอริโอ้” เป็นสโลแกนแรก ก่อนที่ในปี 1980 พวกเขารู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแล้ว จึงลองเปลี่ยนสโลแกนใหม่ๆ ไปมากกว่า 5 ครั้งภายใน 10 ปี
ทั้ง “สำหรับเด็กๆ ที่อยู่ในตัวพวกเราทุกคน” “คุ๊กกี้ที่ชาวอเมริกันรักที่สุด” “หนึ่งเดียวในดวงใจ” “เด็กที่มีโอริโอ้คุ๊กกี้นั้นคือใคร?” และ “โอริโอ้ ขนมต้นตำรับ” จนกลายมาเป็น “บิด ชิมครีม จุ่มนม” ที่ใช้ในปัจจุบันที่ประเทศไทย
6. มีเพลงที่ถูกแต่งเพื่อพูดถึงโอริโอ้ทั้งเพลง
ในปี 1992 ศิลปินชื่อว่า Weird Al Yankovic ได้ปล่อยเพลงชื่อว่า “The White Stuff” ซึ่งเป็นเพลงที่ล้อเลียนจาก “The Right Stuff” ของวง New Kids on the Block แต่แปลงเนื้อให้พูดถึงโอริโอ้ทั้งเพลง
7. รสเลมอนครีม คือโอริโอ้รสชาติใหม่ รสแรก
รสเลมอนครีม คือรสชาติแรกที่โอริโอ้ถูกปรับเปลี่ยนไปจากคุ๊กกี้แอนด์ครีมเวอร์ชันต้นฉบับ ก่อนที่แบรนด์จะคิดค้น แต่งเติมรสชาติใหม่ๆ ออกมาขายกว่า 50 รสชาติแล้ว ในปัจจุบัน
8. เป็นคุ๊กกี้ที่ขายดีที่สุดในโลก
โอริโอ้เป็นคุ๊กกี้ที่มียอดขายมากที่สุดในโลกที่ทำเงินได้มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และยังช่วยเพิ่มรายได้สุทธิให้บริษัทแม่อย่าง Mondelez International ได้ถึง 2.1%
9. “Oreo Way” อนุสรณ์สถานของโอริโอ้ในมหานครนิวยอร์ก
ต้นกำเนิดของโอริโอ้อยู่ที่สำนักงานใหญ่ Nabisco ที่ตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์ก ซึ่ง Google ได้ซื้อตึกดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว แต่โอริโอ้ก็ได้สร้างเครื่องหมายเอาไว้ที่ตึก
ภายหลัง ในปี 2002 ย่านที่ตึกตั้งอยู่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Oreo Way” เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับคุ๊กกี้แบรนด์นี้ ที่โด่งดังไปทั่วโลก สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ
10. โอริโอ้เป็นอาหารวีแกนและโคเชอร์ (ผ่านมาตรฐานอาหารของชาวยิว)
ทางเทคนิคแล้ว โอริโอ้เป็นอาหารวีแกน ส่วนประกอบของโอริโอ้ประกอบไปด้วย น้ำตาล, แป้ง, น้ำมัน, โกโก้, น้ำเชื่อมข้าวโพด, ผงฟู, แป้งข้าวโพด, เกลือ, เลซิตินจากถั่วเหลือง, วานิลลิน, และช็อคโกแลต
จะเห็นได้ว่าไม่มีส่วนประกอบที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย และบริษัทยังประกาศว่าคุ๊กกี้ของพวกเขาผ่านมาตรฐานโคเชอร์ของชาวยิวในปี 1997 โดยการตัดน้ำมันหมูออกจากส่วนผสม
11. ส่วนของคุ๊กกี้เวเฟอร์เป็นทั้งสีดำและสีน้ำตาล แล้วแต่คุณจะเลือก
ในหน้า “คำถามที่พบบ่อย” ของเว็บ Mondelez ได้เผยว่า “เราไม่ได้ระบุสีของคุ๊กกี้ให้กับโอริโอ้ บางคนก็คิดว่ามันเป็นสีน้ำตาล ในขณะที่บางคนก็บอกว่ามันเป็นสีดำ” นั่นหมายความว่า มันจะเป็นสีอะไร อยู่ที่คุณตัดสินใจ
ที่มา: thisisinsider, gizmodo, seriouseats, chicagotribune, Mondelez, teenvogue, biscuitpeople, mondelezinternational, smithsonianmag, delish
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.