พบอาวุธโบราณของสุลต่านทิพัล ถูกเก็บไว้ในห้องใต้หลังคาที่อังกฤษ เชื่ออาจมีมูลค่าเป็นล้าน

ย้อนกลับไปในปี 1799 ในช่วงปลายสงครามระหว่างบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษกับสุลต่านทิพัลแห่งอาณาจักรมัยซอร์ ในเวลานั้นทางสุลต่านเริ่มเสียเปรียบเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีการใช้อาวุธสุดล้ำสมัยอย่างจรวดมิสโซเรียนก็ตาม

ท้ายที่สุดแล้วตัวของสุลต่านทิพัลเองแม้ว่าจะสู้อย่างสมศักดิ์ศรี แต่ก็ต้องเสียชีวิตไป โดยอาวุธคู่กายของเขาก็ถูกเก็บไว้โดยนายพลชาวอังกฤษชื่อ Thomas Hart ที่เป็นศัตรู และถูกหลงลืมไปในระหว่างการส่งมอบในตระกูลผ่านยุคสมัย

แต่แล้วหลังจากวันนั้น 220 ปี ในที่สุดอาวุธของสุลต่านทิพัลก็ถูกค้นพบอีกครั้ง ในสภาพถูกห่อเอาไว้ในหนังสือพิมพ์ และเก็บอย่างลวกๆ ในห้องใต้หลังคาของบ้านที่เบิร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ

โดยหนึ่งในอาวุธที่พบนั้นเป็นปืนยาวแบบคาบศิลา (Flintlock Musket) ที่แม้ว่าจะถูกเก็บแบบไม่ได้มีการดูแลเป็นพิเศษ แต่มันกลับอยู่ในสภาพที่ดีกว่าที่คิด เพราะลวดลายที่อยู่บนปืน รวมทั้งตราประจำตัวสุลต่าน ยังคงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นร้อยๆ ปี

ร่องรอยความเสียหายทั้งหมดที่ปรากฏอยู่บนปืนนั้น ล้วนแต่เป็นบาดแผลดั้งเดิมของปืนซึ่งได้รับมาจากการออกศึกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวไม้ หรือไกปืน ก็ล้วนแต่ถูกทำลายไปด้วยกระสุนปืน ไม่ใช่การเสื่อมโทรมตามกาลเวลาแต่อย่างใด

แถมปืนกระบอกนี้ยังไม่ใช่ของมีค่าเพียงอย่างเดียวในบรรดาอาวุธที่มีการค้นพบด้วย เพราะในห้องเก็บของเดียวกัน ยังพบกับดาบที่มีการประดับไว้ด้วยลวดลายทองคำอีก 4 เล่ม และเครื่องประดับอีกจำนวนหนึ่ง

ซึ่งแม้ว่าตัวดาบจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีมากนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยคุณค่าสำหรับนักสะสม

ในปัจจุบันวัตถุโบราณเหล่านี้ได้ถูกนำออกประมูลภายใต้ความร่วมมือของบริษัทรับประมูลอาวุธและชุดเกราะ Antony Cribb Ltd เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางบริษัทเชื่อว่าวัตถุโบราณเหล่านี้อาจจะสามารถทำเงินได้หลายสิบล้านบาท

แต่ดูเหมือนว่าเงินจะไม่ใช่สิ่งที่ทางตระกูล Hart ต้องการมากนัก และคิดว่าคงจะดีหากของเหล่านี้จะสามารถกลับไปยังอินเดียได้ผ่านมือใครสักคนที่เข้าร่วมประมูล (เช่นพิพิธภัณฑ์)

อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่านักสะสมที่ไม่ใช่ชาวอินเดียจะไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของวัตถุโบราณเหล่านี้เลย ดังนั้นหากใครที่สนใจในของเหล่านี้ก็สามารถเข้าไปร่วมงานประมูลกันได้ในงานประมูลที่โรงแรม Milton House ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2019 ที่จะถึงนี้ได้เลย

ที่มา dailymail และ ancient-origins