ย้อนรอย “Emanuela Orlandi” เด็กสาวที่หายตัวไปจากวาติกัน ปริศนาแห่งนครรัฐศักดิ์สิทธิ์

ในนครรัฐวาติกัน เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1983 ได้มีเหตุการณ์ลึกลับเกิดขึ้น หลังลูกสาวของข้าราชการในนครรัฐ เกิดหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากที่มีการพบเห็นครั้งสุดท้ายที่กรุงโรม

ชื่อของเธอคือ Emanuela Orlandi เด็กสาววัย 15 ปี ผู้ซึ่งหายตัวไปในระหว่างเดินทางกลับบ้านในนครรัฐวาติกัน หลังจากที่เธอไปเรียนดนตรีในพื้นที่ใกล้เคียง

 

 

นี่อาจจะดูเหมือนเป็นคดีคนหายที่เห็นกันได้บ่อยๆ ในโลก แต่การที่เด็กสาวหายตัวไปในวาติกัน ซึ่งมีพื้นที่ไม่ถึงหนึ่งตารางกิโลเมตร และมีประชาชนอยู่แค่พันกว่าคนก็ทำให้การหายไปของเด็กสาวคนนี้กลายเป็นเรื่องที่น่าพิศวงมากๆ

นั่นเพราะไม่ว่าจะตามหากันขนาดไหน ก็ไม่มีใครพบตัวหรือศพของเด็กสาวที่หายไปเลย แถมคดีที่เกิดขึ้นเองก็ยังคงมีการสืบคดีกันมาจนถึงในปัจจุบันด้วย

 

 

ตั้งแต่ที่เรื่องราวของเด็กสาวเป็นที่รับรู้กันไปทั่วโลกก็มีทฤษฎีมากมายที่ออกมาอธิบายการหายตัวไปของเธอ ตั้งแต่เรื่องธรรมดาๆ อย่างเด็กสาวหนีไปเอง ไปจนถึงทฤษฎีประหลาดๆ อย่างเด็กสาวถูกลักพาตัวไปโดยมาเฟียที่เกี่ยวข้องกับพ่อของเธอ หรือโดนจับตัวไปโดยกลุ่มพวกใคร่เด็กภายในวาติกันเอง

และเรื่องที่แปลกที่สุดของคดีนี้ ก็ได้เกิดขึ้นในปี 2018 ที่ผ่านมานี้เอง เมื่อมีคนส่งจดหมายปริศนาไปให้ที่บ้านของเด็กสาว โดยในจดหมายมีรูปของสุสานแห่งหนึ่งอยู่ พร้อมข้อความที่ว่า “มองไปที่ที่นางฟ้าชี้”

 

 

แน่นอนว่าข้อความในจดหมายนี้ทำให้สายสืบออกดำเนินการตามหาสุสานและรูปปั้นที่ถูกกล่าวถึงทันที ซึ่งเมื่อหาสุสานในภาพเจอทางตำรวจก็พบว่ารูปปั้นในที่แห่งนั้นถือแผ่นจารึกคำว่า “หลับอย่างสงบ” ในภาษาละติน และชี้ไปที่หลุมศพหลุมหนึ่ง

แต่นอกจากทางตำรวจจะไม่พบศพที่น่าจะเป็นของ Emanuela Orlandi ในพื้นที่แล้ว พวกเขายังพบว่าหลุมศพที่นางฟ้าชี้ไปยังมีร่องรอยถูกเปิดมาก่อนแล้วอย่างน้อยๆ หนึ่งครั้งอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีใครบางคนที่พยายามจูงจมูกการสืบสวนอยู่อย่างเห็นได้ชัด

 

งานรำลึกวันครบรอบ 30 ปีการหายตัวไปของ Emanuela Orlandi ที่จัดขึ้นในปี 2013

 

น่าเสียดายที่สุดท้ายคดีของ Emanuela Orlandi ก็ยังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งนครวาติกันต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นการสืบสวนครั้งนี้ก็เป็นหลักฐานอย่างดีว่าทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจกับการตามหาเด็กสาวคนหนึ่ง และคดีสุดลึกลับนี้เองก็อาจจะถูกไขให้กระจ่างจากความพยายามของเหล่าผู้คน ในอนาคตอันใกล้นี้ก็เป็นได้

 

ที่มา allthatsinteresting และ dailymail

Comments

Leave a Reply