Alma-Jade Chanter สาวนักศึกษาด้านชีววิทยาศาสตร์ อายุ 25 ปี เริ่มทานอาหารมังสวิรัติมาตั้งแต่ตอนอายุได้ 13 ขวบ หลังจากได้ดูวิดีโอที่มีเนื้อหาน่ากลัวซึ่งจัดทำขึ้นโดยแคมเปญรณรงค์สิทธิสัตว์
เธอได้ผันตัวเป็นวีแกนอย่างจริงจังมากๆ จนอายุ 14 ปีเธอเลือกทานแต่ผักและผลไม้สดที่ไม่ผ่านการปรุงใดๆ ถึงแม้ว่าตัวเธอเองก็รู้สึกถึงสุขภาพที่เริ่มย่ำแย่ แต่ก็เลือกที่จะเพิกเฉยและมุ่งมั่นทานอาหารมังสวิรัติต่อไป จนน้ำหนักเธอลดลงไปมากถึง 10 กิโลกรัม
ในที่สุดพ่อและแม่ของเธอต้องพาเธอไปหาหมอ โดยเธอได้รับคำเตือนจากแพทย์ในเรื่องอาหารการกิน เนื่องจากว่าร่างกายของเธอขาดวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ถ้าเธอยังทานอาหารแบบที่กำลังกินต่อไปเรื่อยๆ มันจะส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
แทนที่จะทานอาหารตามที่แพทย์แนะนำ เธอเลือกที่จะทานน้ำผลไม้และใช้วิธีจัดเวลาทาน-อดอาหาร เพราะเธอเชื่อมั่นว่าเธอจะสามารถรักษาอาการป่วยของตัวเองได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเลิกเป็นวีแกน
เธอกล่าวว่า “ฉันมันทั้งดันทุรังและหัวแข็ง ไม่ยอมฟังที่คนอื่นๆ เตือน ฉันแค่มอบความเชื่อ ความศรัทธาลงไปในอาหารแบบชาววีแกนที่ฉันคิดว่ามันดีต่อสุขภาพ”
จากนั้นเพียง 1 ปี หลังเธอเริ่มเป็น Raw Vegan (ทานแต่ผักและผลไม้สด) ประจำเดือนของเธอหยุดหายไปดื้อๆ เพราะร่างกายขาดสารอาหารที่สำคัญ เล็บก็เป็นร่องคลื่นลึกเพราะขาดแคลเซียม
“จากนั้นฟันของฉันก็เริ่มแย่ตามไปด้วย เพราะได้น้ำตาลจากการทานผลไม้มาเยอะ แต่ขาดแคลเซียมไปซ่อมแซม ฉันไปหาหมอฟัน แต่แล้วฟันหน้าของฉันก็หักออกเป็นสองส่วนต่อหน้าหมอ จนเขาถามฉันว่า ‘นี่คุณดื่มน้ำอัดลมเป็นอาหารเช้ารึไง?’”
วันที่เธอเริ่มยอมรับความจริงได้ คือวันที่เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคคอพอกตาโปน ซึ่งเป็นภาวะภูมิแพ้ตัวเองและมันส่งผลกระทบต่อต่อมไทรอยด์
จากนั้นไม่กี่เดือน Alma-Jade ก็ได้รับคำแนะนำให้หันมาทานเนื้อสัตว์จากเพื่อนที่เคยเป็นวีแกนมาก่อน เธอเริ่มปรับร่างกายของตัวเองเพื่อกลับมาทานเนื้อ และเธอก็กลายเป็นคนที่ทานอาหารทุกอย่าง ทั้งเนื้อสัตว์ เนื้อปลา และผัก
เพียงไม่กี่วันไทรอยด์และระบบการเผาผลาญก็เริ่มดีขึ้น เส้นผมที่เปราะบางก็กลับมาแข็งแรง แม้อาการเจ็บข้อและอ่อนล้าจะยังกลับมาเป็นพักๆ แต่โดยรวมร่างของเธอค่อยๆ แข็งแรงขึ้นตามลำดับ
ในปี 2018 เธอก็ยังคงทานอาหารวันละ 2 มื้อ มีทั้งผัก เนื้อสัตว์ และเครื่องในเช่น หัวใจ ตับ และสมอง คละๆ กัน และจากนั้นเป็นต้นมาเธอก็ไม่เคยหวนกลับไปคิดถึงการเป็นวีแกนอีกเลย
โดยเธอได้บอกความเห็นของตนว่า “ถ้าคุณคิดจะฆ่าสัตว์สักตัวหนึ่ง คุณก็ต้องสุภาพและให้เกียรติมันให้มากโดยการนำทุกส่วนในร่างกายของมันมาใช้ให้คุ้มค่า ฉันรู้ว่ามันดูสุดโต่งไปหน่อย แต่ฉันไม่เคยรู้สึกว่าร่างกายฉันสมดุลเท่านี้มาก่อน”
“ฉันเห็นด้วยกับวีแกนนะที่ว่าฟาร์มแบบอุตสาหกรรมมันเลวร้าย ฉันก็เลยซื้อเนื้อสัตว์จากร้านขายเนื้อหรือฟาร์มในท้องถิ่น แต่ถ้าให้เลิกกินเนื้อเด็ดขาดไปเลยเนี่ยมันก็เหมือนเราปฏิเสธส่วนแย่ๆ โดยการเหมารวมทิ้งข้อดีของมันไปด้วย”
“การที่ต้องตื่นมาพบกับความเจ็บปวดในทุกๆ เช้าเป็นเวลาหลายปีเนี่ยมันก็ไม่ได้ช่วยให้คุณมีความหวังในชีวิตเท่าไหร่นะ แต่วิธีการกินอาหารในตอนนี้มันเปลี่ยนชีวิตฉันไปเลย และบางทีมันอาจจะ “ช่วยชีวิตฉัน” เอาไว้ด้วยซ้ำ”
ที่มา LADbible
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.