นักเดินทางชาวเยอรมัน ใช้เวลาเกือบ 30 ปี ขับรถไกลกว่า 880,000 กม. ข้าม 177 ประเทศ

นี่คือเรื่องราวการเดินทางของสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ใช้เวลาเกือบ 30 ปีในการออกเดินทางกว่า 177 ประเทศ ด้วยรถคู่ใจของเขา….

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1988 Gunther Holtorf และภรรยาของเขา Christine ได้เริ่มต้นสร้างตำนานการเดินทางของพวกเขา

 

 

ทั้งสองเลือกใช้รถ Mercedes-Benz G-Wagen เป็นยานพาหนะสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ โดยตั้งชื่อให้กับมันว่า “Otto”

ในตอนแรกทั้งคู่วางแผนที่จะใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ 18 เดือน ผ่านทวีปแอฟริกา แต่ในที่สุดแล้วพวกเขาก็เปลี่ยนแผนเป็นการเดินทางรอบโลก

ก่อนจะจบการเดินทางลงเมื่อปี 2015 กินระยะเวลานานถึง 26 ปี ผ่าน 177 ประเทศ เป็นระยะทางถึง 885,139 กิโลเมตร

 

 

ในเวลานั้นการเดินทางของทั้งสองเกิดขึ้นโดยไม่มีเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ ไม่มีการโพสต์ภาพสวยๆ ลงบนโลกออนไลน์

Otto พา Gunther และ Christine เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายซาฮารา หมู่บ้านชนบทในเคนย่า ถนนในฝรั่งเศส หรือแม้แต่ประเทศเกาหลีเหนือ ทั้งคู่ก็เคยไปเยือนมาแล้ว

 

 

“ยิ่งคุณเดินทางมากขึ้นเท่าไหร่ คุณยิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่คุณเห็นนั้นเล็กลงมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคุณได้เห็นและเรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น คุณก็จะอยากออกเดินทางไปเรื่อยๆ และเรื่อยๆ ” Gunther ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Outsideonline

 

.

 

ภาพระหว่างการเดินทางของทั้งคู่

 

ภาพของถนนที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ทางลาดยางบ้าง ทางลูกรังบ้าง

.

 

เมื่อการเดินทางของทั้งคู่ดำเนินมาถึงปี 2010 เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้นกับ Gunther เนื่องจากเขาต้องสูญเสียภรรยาไป แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงเดินทางต่อ โดยมีภาพของเธอติดตัวไปด้วยตลอด

.

.

.

.

 

และแล้วในที่สุดวันสุดท้ายของการเดินทางก็มาถึง เจ้า Otto พา Gunther กลับมาถึงบ้านเกิดของเขาที่เยอรมนีโดยสวัสดิภาพ ซึ่งชายวัย 81 ปีรู้สึกขอบคุณรถคู่ใจของเขามาก ที่ไม่เคยงอแงเลยตลอดการเดินทางในครั้งนี้

แถมมันยังมอบประสบการณ์อันมีค่าให้กับเขาอีกด้วย

 

 

ปัจจุบันรถคู่ใจของ Gunther ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในพิพิธภัณฑ์ Daimler museum ของ Mercedes-Benz ในเมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี

และเรื่องราวในการเดินทางครั้งนี้ก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านหนังสือและเว็บไซต์ ottosreise ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปชมกันได้เลย…

 

 

ที่มา mymodernmet


by

Tags:

Comments

Leave a Reply