การออกล่าสัตว์ป่าด้วยเหตุผลด้านการควบคุมจำนวนนั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ทั่วโลก เนื่องจากเป็นรูปแบบธุรกิจหนึ่งที่คาบเกี่ยวในเรื่องของหลักจริยธรรม
ในต่างประเทศจะมีรูปแบบสวนสัตว์เปิดซาฟารี ที่อนุญาตให้เหล่านักล่าสัตว์ป่า ออกล่าได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะเป็นเหล่านักธุรกิจจากชาติที่พัฒนาแล้ว
Malcolm King
ล่าสุดนี้ หนึ่งในนักธุรกิจใหญ่ชาวอังกฤษได้รับการเปิดเผยชื่อ เป็นหนึ่งในนักล่าสัตว์ป่าชั้นสูง ผู้คร่าชีวิตสัตว์ป่ามามากไม่ต่ำกว่า 500 ตัว
บุคคลที่ถูกกล่าวถึงคือนาย Malcolm King วัย 74 ปี ที่เพิ่งได้รับรางวัลสุดยอดนักล่าจากทาง Safari Club International (SCI)
โดยองค์กรดังกล่าวเป็นองค์กรของเหล่านักล่าสัตว์จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องสิทธิในการล่าสัตว์ และโปรโมทการล่าเพื่อการอนุรักษ์
สำหรับนาย Malcolm นั้นเป็นนักล่าสัตว์ป่ารูปแบบ Trophy Hunting มาตั้งแต่ปี 2000 (ล่าเพื่อนำส่วนต่างๆ ของสัตว์มาเป็นถ้วยรางวัล) โดยที่เขาประสบความสำเร็จในการล่าสัตว์บิ๊กไฟว์แห่งแอฟริกามาแล้ว ทั้ง สิงโต ช้าง แรด ควาย และเสือดาว
โดยที่ผ่านมามีการเปิดเผยว่า เขาออกเดินทางไปยังพื้นที่ป่าฝนในประเทศแคเมอรูน เพื่อล่าสัตว์ที่ต้องการเป็นจำนวนหนึ่งให้ครบตามเป้าหมาย ตามเงื่อนไขการรับ Weatherby Award รางวัลการล่าสัตว์อันทรงเกียรติในวงการ
นอกจากนี้เขายังได้รับคำชื่นชม (จากองค์กรนักล่า) ว่าเป็นการฝ่าฟันเพื่อรางวัลที่ยากที่สุดและมีคนต้องการมากที่สุด ในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา
ด้าน Eduardo Goncalves ผู้ก่อตั้งแคมเปญต่อต้านและแบน Trophy Hunting กล่าวกับสื่อว่า นาย King เป็นหนึ่งในนักล่าสัตว์ชนชั้นสูง ยังมีอีกหลายคนที่เข้าข่าย ซึ่งน้อยคนนักจะได้รับรางวัลอันต่ำช้านี้จากวงการนักล่า
“ถ้าคุณเพิ่มจำนวนขั้นต่ำของการล่าสัตว์ที่ต้องทำยอด เพื่อรับรางวัลพวกนี้ ตัวเลขมันก็เลยเถิดไปมากกว่า 500 ตัวแล้ว ตราบใดที่กฎหมายสากลอนุญาตให้นักล่าสัตว์ทำได้ พวกเขาก็จะลอยนวลต่อไปจากช่องโหว่เหล่านี้”
อย่างไรก็ตามทางด้านนาย Malcolm ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไว้ว่า เขาไม่ใช่นักล่าสัตว์แบบ Trophy Hunting แต่อย่างใด
ที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่นายพรานธรรมดา และได้วางมือไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่เขาทำไปในอดีตไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากทำตามหลักจริยธรรมและหลักข้อกฎหมาย
ภายหลังจากที่ถูกเปิดเผยชื่อออกมาแล้ว สังคมออนไลน์ต่างร่วมประณาม กับการกระทำอันป่าเถื่อนในครั้งนี้
.
น่าหดหู่ตรงที่นักธุรกิจที่วางมือไปแล้วอย่างนาย Malcolm King ไม่สามารถที่จะหาวิธีใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แต่กลับเลือกที่จะพรากชีวิตสัตว์ป่าแทน
.
.
.
ที่มา: totallyveganbuzz, telegraph, dailymail, express, mirror, thesun
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.