กลายเป็นกระแสโด่งดังที่มีคนให้ความสนใจมากมายไปแล้ว หลังจากที่เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา กลุ่มองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง “The White Coat Waste Project” หรือ “WCW” ได้ออกมาอ้างว่ากระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้มีการทดลองสุดหดหู่ที่ให้ลูกแมวกินเนื้อสุนัขและเนื้อแมวด้วยกันเอง
ศูนย์วิจัยการเกษตรที่ Beltsville สถานที่ซึ่งทาง WCW อ้างว่าจัดการทดลองขึ้นทดลอง
อ้างอิงจากข้อมูลของทาง WCW การทดลองที่ว่านี้ทำให้มีแมวและสุนัขจำนวนมากถูกสังหาร ทั้งจาก โคลัมเบีย บราซิล เวียดนาม จีน และเอธิโอเปีย แถมยังกินเงินภาษีจากประชาชนเป็นเงินมากถึง 700 ล้านบาทเลย
สื่อต่างประเทศบอกว่าทดลองที่เกิดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองโรคทอกโซพลาสโมซิสของสหรัฐฯ ที่จัดทำขึ้นมาตั้งแต่ในปี 1982 โดยมีเป้าหมายในการตรวจสอบไข่ของโปรโตซัว Toxoplasma gondii ซึ่งมักพบได้ในเนื้อสัตว์ดิบ
Toxoplasma gondii เมื่อส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
ดังนั้นเพื่อที่จะเก็บไข่ของโปรโตซัวมาใช้ในการทดลองนักวิทยาศาสตร์จึงได้มีให้ลูกแมวอายุ 2 เดือนกินเนื้อของสัตว์ที่ปนเปื้อนโรคทอกโซพลาสโมซิสซึ่งมักจะเป็นเนื้อส่วนหัวใจและตับของแมวหรือสุนัข เพื่อเก็บตัวอย่างอุจจาระของแมวไปตรวจสอบ และสังหารแมวทิ้งหลังจากการทดลองจบลงในแต่ละครั้ง
ทาง WCW บอกว่าตลอดช่วงเวลาการทดลอง มีแมวกว่า 4,000 ตัว ถูกใช้ทดลองก่อนสังหารทิ้ง แถมยังมีแมวและสุนัขรวมแล้วอีกกว่า 500 ตัว ที่ถูกนำไปทำเป็นอาหารให้ลูกแมวอีกที
หนึ่งในลูกแมวที่ทาง WCW อ้างว่าเคยถูกใช้ในการทดลองดังกล่าว
Justin Goodman รองประธานโครงการ WCW บอกว่านี่นับเป็นการทดลองที่ไม่จำเป็นแถมยังโหดร้ายซึ่งไม่ควรได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างยิ่ง แถมสำหรับเขาแล้วแม้แต่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ เองก็ดูจะไม่ได้สนใจที่จะออกมาแก้ตัวเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองทำไปเลยด้วยซ้ำ
ในปัจจุบันทาง WCW ได้ตัดสินในเข้าช่วยเหลือการผลักดันกฎหมาย “The Kittens in Traumatic Testing Ends Now” หรือ “KITTEN” ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทดลองในรูปแบบนี้ขึ้นอีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลูกแมวอีกตัวที่ทาง WCW อ้างว่าถูกใช้ในการทดลอง
และหากกฎหมายนี้ผ่านจริงๆ การทดลองทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการทรมานและสังหารลูกแมวในอนาคตจะนับเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ตามกฎหมายสืบไป
ที่มา livescience, nbcnews และ allthatsinteresting
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.