เด็กสาวเขียนโน้ตระบาย ก่อนฆ่าตัวตาย หลังโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียน-รุมโทรม

เมื่อเดือนธันวาคม 2015 Cassidy Trevan เด็กหญิงวัย 15 ปี ได้เสียชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย สาเหตุมาจากการตกเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้งในโรงเรียน แม้ว่าจะย้ายโรงเรียนหรือย้ายที่อยู่ เธอก็ตกเป็นเหยื่อการรังแกอยู่เรื่อยไป

การกลั่นแกล้งมาถึงจุดที่ร้ายแรงที่สุดในปี 2013 เมื่อนักเรียนชาย 2 คนที่เป็นฝ่ายรังแกเธอ ได้ลงมือรุมโทรมเธอในบ้านหลังหนึ่งในรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย

เธอทนทุกข์ทรมานต่อสิ่งที่ถูกกระทำมาตลอด 2 ปี สุดท้าย Cassidy เลือกจบชีวิตตัวเองลง หลังจากเธอเสียชีวิตไป Linda Trevan แม่ของเธอเก็บห้องของเธอไว้ให้เหมือนตอนที่เธอยังมีชีวิต โดยที่แทบไม่ได้เข้าไปในห้องเลย

เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ Linda เข้าไปในห้องลูกสาวเพื่อหาของบางอย่าง แล้วได้ไปเห็นกระดาษที่เขียนด้วยลายมือ 5 แผ่นวางอยู่บนโต๊ะ มันคือจดหมายที่ Cassidy เขียนระบายความอัดอั้นตันใจต่อสิ่งที่ต้องเจอ ก่อนที่เธอจะลาจากโลกนี้ไป ใจความจากบางส่วนของจดหมายบอกว่า

“จริงๆ แล้วที่ฉันทำแบบนี้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครมายุ่งกับฉันอีก คนทั้งโรงเรียนรู้เรื่องฉันกันหมดแล้ว รวมทั้งพวกครูด้วย ฉันโดนคนที่ฉันไม่รู้จักทักมาทางเฟซบุ๊กแล้วเรียกฉันว่า “อีกะxรี่”

ฉันทั้งย้ายโรงเรียน ย้ายบ้าน แต่ฉันก็ยังคงโดนรังแกอยู่ดี แล้วยังโดนข่มขืนอีก เมื่อคืนนี้…หลังจาก 1 ปีครึ่งที่เกิดเรื่อง ฉันก็ยังคงฝันร้ายถึงมันซ้ำๆ…”

“…โรงเรียนเวลลิงตันบอกว่าพวกเขามีนโยบายต่อต้านการรังแก และจะไม่ยอมให้เกิดการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน แต่สุดท้ายทางโรงเรียนก็ไม่เคยช่วยเหลืออะไรเราเลย

ขนาดแม่ฉันพาฉันไปพูดคุยเรื่องนี้กับพวกเขา ขนาดมีตำรวจติดต่อไปพูดคุยด้วยแล้ว….”

Linda บอกว่าสุดท้ายทั้งเรื่องที่ลูกสาวของเธอโดนกลั่นแกล้ง และโดนข่มขืนก็ไม่เคยมีใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้รับโทษเลยจนถึงทุกวันนี้

ทางกรมตำรวจรัฐวิกตอเรียกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยพยายามพูดคุยกับ Cassidy มากกว่า 20 ครั้งแล้ว แต่เด็กสาวไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะเล่าเรื่องราวและให้การได้เลยสักครั้ง เพราะเธอกลัวว่าเมื่อพูดไปแล้วจะโดนรังแกมากกว่าเดิม

ในตอนนี้สิ่งที่ Linda ทำได้มีเพียงบอกเล่าเรื่องของลูกสาวของเธอ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศออสเตรเลียทำอะไรบางอย่างกับการกลั่นแกล้งเช่นนี้ โดยการเปิดเพจเฟซบุ๊ก Bullying Killed My Daughter Cassidy Trevan (การกลั่นแกล้งฆ่าลูกสาวของฉัน) และรณรงค์ให้ประเด็นนี้ได้รับการแก้ไขต่อไป

ที่มา Mirror และ 9News