ตั้งแต่หลายพันปีก่อน “ทองคำ” ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องหมายแห่งความมั่งคั่งที่มนุษย์พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาครอบครอง มันเป็นโลหะมีค่าที่ไม่เพียงแต่มีมูลค่าสูง แต่ยังมีบทบาทพิเศษที่อยู่คู่กับสังคมมนุษย์มาอย่างยาวนานตั้งแต่จุดเริ่มต้นของอารยธรรมอีกด้วย
ในทางวิชาเคมี ทองคำ คือธาตุเคมีที่มีหมายเลขอะตอม 79 และสัญลักษณ์คือ “Au” ซึ่งมาจากคำว่า Aurum ซึ่งแปลว่า “สีเหลือง” ในภาษาละติน และเป็นหนึ่งในธาตุ 12 ชนิดบนตารางธาตุที่ไม่สามารถระบุชื่อคนที่คนพบได้
การที่เราไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้ค้นพบทองคำเป็นคนแรกนั้น คงจะกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดที่เรามีเกี่ยวกับการใช้งานทองคำของมนุษย์ ก็มีการระบุไว้ว่าพวกเรามีการใช้โลหะมีค่าเหล่านี้มาตั้งแต่ในสมัยอียิปต์ เมื่อราวๆ 3,000 ปี ก่อนคริสตกาลเลย
แน่นอนว่าด้วยความมันวาวและไม่เป็นสนิมของมัน ทำให้ทองถูกใช้งานในฐานะเครื่องประดับเป็นหลักมาตั้งแต่ในสมัยก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าทองคำจะไม่สามารถนำไปใช้งานในด้านอื่นๆ เลยเหมือนกัน
นั่นเพราะตั้งแต่ในอดีตมา คนเรามีการนำทองคำไปประยุกต์ใช้กันอย่างหลากหลายกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หลายๆ คนอาจจะทราบกันดีอย่างการนำไปผลิตเป็นเหรียญ ไปจนถึงเรื่องแปลกๆ อย่างการใช้เป็นยา หรือแม้แต่ใช้ในการผลิตนาโนเทคโนโลยี
ภาพจำลองสามมิติของอนุภาคนาโนของทอง
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ แต่ทองก็สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้โดยอาศัยโมเลกุลภายในที่มีลักษณะการเรียงตัวที่เป็นเอกลักษณ์ และพบได้ทั้งในยาที่อาศัยการฉีดเข้าร่างกายอย่าง Myocrisin, Solganol และ Allocrysin หรือยาสำหรับรับทานอย่าง Auranofin
ส่วนในทางนาโนเทคโนโลยี เราจะสามารถเห็นการใช้ทองคำมาตั้งแต่ในสมัยโรมันโบราณ อย่างในถ้วยไลเคอร์กุส เมื่อ 1,600 ปีก่อนเองคนโบราณก็มีการผสมทองคำ และเงินที่มีขนาดเล็กกว่า 50 นาโนเมตรลงไปในเนื้อแก้ว เพื่อให้เมื่อแก้วโดนแสง ตัวแก้วจะเปลี่ยนสีไปได้ราวกับเป็นเวทมนตร์
(อ่านเรื่องราวของถ้วยไลเคอร์กุสได้ที่ ถ้วยไลเคอร์กุส โบราณวัตถุอายุ 1,600 ปี หลักฐานการใช้นาโนเทคโนโลยีของชาวโรมันโบราณ)
แน่นอนว่าการกระทำเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นจากเรื่องบังเอิญ แต่การเลือกที่จะใช้ทองเป็นแร่หลักในการผสมกับแร่อื่นๆ ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีของคนสมัยนั้นเลย เพราะทองเป็นโลหะที่มีความเหมาะสมในการใช้ในทางนาโนเทคโนโลยี ไม่ว่าจะด้วยความสามารถในการเป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้า หรือความง่ายในการทำให้ทองเป็นอนุภาคนาโน
ส่วนในปัจจุบันนั้นการใช้ทองในนาโนเทคโนโลยีเรียกได้ว่าเป็นที่นิยมแบบสุดๆ เพราะไม่เพียงแต่อนุภาคนาโนของทองจะสามารถดึงดูดโรคหลายชนิดในร่างกายได้ (เช่นเนื้องอกมะเร็ง) แต่ทองยังสามารถสร้างการเคลือบผิวแบบเรียงตัวชั้นเดียว (Self-assembled monolayer) ซึ่งช่วยเพิ่มการป้องกันการกัดกร่อนให้กับพื้นผิวต่างๆ ได้ด้วย
วิดีโอเกี่ยวกับการใช้ทองในนาโนเทคโนโลยีจากช่อง nature video
และที่สำคัญเรื่องราวเหล่านี้ยังเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของความสามารถอันหลากหลายของทองคำเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เจ้าโลหะมีค่าชิ้นนี้ จะเป็นสิ่งที่มีราคาสูงตลอดมา แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 5,000 ปีแล้วก็ตาม
ที่มา zmescience, theconversation และ ancient-origins
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.