เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา เลขาธิการสภาโบราณวัตถุสูงสุดแห่งประเทศอียิปต์ คุณ Mostafa Waziri ได้ออกมาทำการเปิดเผยรายละเอียดการค้นพบสุสานแห่งใหม่ในเขตซูฮัก พื้นที่ทางตอนใต้ของกรุงไคโร
สุสานที่ถูกค้นพบในครั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าสร้างขึ้นเพื่อชาวอียิปต์ชื่อ “ทูทู” หรือ “ตูตู” และภรรยา ผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ในยุคราชวงศ์ทอเลมีตอนต้น ซึ่งจบลงด้วยการถูกยึดครองโดยชาวโรมันเมื่อช่วง 30 ปีก่อนคริสตกาล
คุณ Mostafa เล่าว่าสุสานแห่งนี้มีร่องรอยว่าเคยถูกบุกรุกมาก่อนในอดีต แต่โชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำลายภาพวาดบนผนังไป ดังนั้นสุสานแห่งนี้จึงยังคงอยู่ในสภาพที่งดงามและมีสีสัน ซึ่งประกอบไปด้วยห้องขนาดใหญ่ตรงกลางและห้องฝังศพที่มี โลงศพหินอยู่สองอัน
โดยในที่แห่งนี้นักโบราณคดีได้พบกับมัมมี่ของมนุษย์อยู่สองร่าง โดยร่างหนึ่งเป็นของผู้หญิงอายุราวๆ 35-50 ปี ในขณะที่อีกร่างเป็นของเด็กอายุราวๆ 12-14 ปี
อย่างไรก็ตามเรื่องที่ทำให้นักโบราณคดีแปลกใจ คือพวกเขาพบมัมมี่ของสัตว์จำนวนมากถูกเก็บเอาไว้ในสุสานแห่งนี้ด้วยต่างหาก โดยมัมมี่ของสัตว์ที่พบประกอบไปด้วย มัมมี่ของหนู แมว และเหยี่ยว ซึ่งมีจำนวนรวมๆ แล้วมากถึง 50 ตัว
แน่นอนว่าการพบมัมมี่ของแมวในอียิปต์นั้นไม่ใช่เรื่องที่แปลกเท่าไหร่ เพราะในสมัยก่อนคนอียิปต์เคยให้ความเคารพเทพเกี่ยวกับแมวมาก่อน ส่วนเหยี่ยวเองก็เป็นไปได้ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเทพฮอรัสที่มีหัวเป็นเหยี่ยว ดังนั้นสัตว์ที่นักโบราณคดีให้ความสนใจที่สุดในการค้นพบครั้งนี้จึงกลายเป็นมัมมี่ของหนู
อ้างอิงจากข้อมูลของแหล่งข่าวต่างประเทศ ทฤษฎีที่เป็นไปได้เกี่ยวกับมัมมี่หนูที่พบ คือในสมัยก่อนหนูเองก็อาจจะเป็นตัวแทนของเทพที่ถูกเคารพมาก่อน แต่หลังจากที่การทำการเกษตรเริ่มแพร่หลายมากขึ้นหนูที่ทำลายพืชผลเลยค่อยๆ เสื่อมความนิยมลงไป
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในทฤษฎีที่เป็นไปได้เท่านั้น และยังไม่มีการฟันธงใดๆ จากเหล่านักโบราณคดีที่เข้าไปสำรวจสุสานเอง ดังนั้นที่มาของหนูที่ถูกทำเป็นมัมมี่เก็บไว้ในสุสานแห่งนี้ จึงยังคงเป็นเรื่องที่เราต้องมีการพิสูจน์กันต่อไปในอนาคต
ที่มา ancient-origins และ bbc
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.