ผู้เชี่ยวชาญเตือนภัยเชื้อราดื้อยาอีกครั้ง หลังระบาดหนักในสหรัฐฯ และหลายพื้นที่ทั่วโลก

ในช่วงต้นเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา ได้มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ออกมาเตือนภัยเกี่ยวกับแบคทีเรียดื้อยาที่มีชื่อเรียกว่า Superbugs หลังจากที่หนังสือพิมพ์ New York Times ได้ออกมารายงานการแพร่กระจายอย่างน่าตกใจหายในสหรัฐฯ ของมัน และความเป็นไปได้ที่ว่าโรงพยาบาลหลายแห่งปกปิดข่าวเกี่ยวกับแบคทีเรียตัวนี้

 

 

โดยเจ้านี้มาจากเชื้อราที่สายพันธุ์ชื่อ Candida auris ซึ่งตามปกติแล้วจะอาศัยอยู่บนผิวหนังและเยื่อเมือกโดยไม่มีอันตรายใดๆ เป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันก็ได้กระจายไปทั่วพื้นที่สำคัญๆ ของโลกอย่างอังกฤษ สเปน อินเดีย เวเนซุเอลา และสหรัฐอเมริกา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เชื้อรา Candida auris นั้นมีการค้นพบครั้งแรกในปี 2009 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในผู้ป่วยอาการหูอักเสบคนหนึ่ง แม้ว่าเราจะมีตัวอย่างทางการแพทย์ที่ชี้ว่าเชื้อราตัวนี้อาจเคยถูกพบในปี 1996 ที่เกาหลีใต้ก็ตาม

 

 Candida auris บนจานเพาะเชื้อ

 

จริงอยู่ว่าตามปกติเชื้อรา Candida auris จะไม่มีอันตรายมากนักก็ตาม แต่หากเชื้อราตัวนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายทางแผล หรือการผ่าตัดของผู้มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้อรา Candida auris ก็อาจจะมีการแพร่เชื้อในกระแสเลือดทำให้อวัยวะภายในร่างกายล้มเหลวได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวของเชื้อราเหล่านี้คือความสามารถในการต้านทานยาและการแพร่กระจายของมันต่างหาก

เพราะไม่เพียงแต่เชื้อราในสายพันธุ์ทุกตัวจะมีความสามารถในการต้านทานยาต้านเชื้อราอย่างน้อยหนึ่งตัวเท่านั้น แต่เมื่อไม่นานมานี้เองเรายังพบว่าเชื้อราตัวนี้ติดจากคนสู่คนได้ แถมยังมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวที่ไม่เหมาะกับการอาศัยอย่างผนังหรือพื้นได้เป็นเวลานานอีก

 

ความสามารถในการมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวที่ไม่เหมาะของเชื้อราตัวนี้ทำให้โรงพยาบาลกลายเป็นหนึ่งในสถานที่เสี่ยงในการเพาะเชื้อของมันได้เป็นอย่างดี

 

แถมนี่ยังไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนภัยถึงเชื้อราตัวนี้ด้วย เพราะในปี 2016 กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ก็เคยออกมากล่าวถึง Candida auris มาแล้ว แต่ด้วยความที่ในเวลานั้นโรคนี้ยังไม่พบการระบาดในสหรัฐฯ คำเตือนจึงไม่เป็นที่สนใจเท่าที่ควร

อ้างอิงจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ในปัจจุบันมีรายงานการติดเชื้อ Candida auris แล้วราว 587 ครั้งในสหรัฐ และยังคงมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ความกลัวของคนหลายๆ คนว่าเชื้อราตัวนี้จะกลายพันธุ์จนเป็นอันตรายกับมนุษย์ยิ่งขึ้น

 

ที่มา livescience, salon และ nytimes

Comments

Leave a Reply