สาวรักษาตัวจาก “โรคคลั่งผอม” แชร์ประสบการณ์ตัวเอง เพื่อให้กำลังใจคนที่กำลังป่วย

เมื่อปี 2018 เด็กสาววัยรุ่น Danielle King จากเมืองเอดินเบอระ ประเทศสก็อตแลนด์ มาถึงจุดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ… เมื่อเธอมีน้ำหนักน้อยเอามากๆ จากการป่วยเป็นโรคพฤติกรรมการกินผิดปกติ

เธอเห็นอาหารทุกชนิดเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ จนอาจถึงขั้นเป็นโรคโฟเบีย เธอทานเพียงเพื่อให้ยังมีชีวิตอยู่ต่อได้ ซึ่งมันก็น้อยมากจนเหมือนกับแทบไม่ได้กินอะไรเลย

และนั่นคืออาการของโรคอะนอเร็กเซีย

Danielle ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคอะนอเร็กเซีย หรือโรคคลั่งผอม และพฤติกรรมการกลัวอาหารนี้ทำให้เธอผอมจนเห็นกระดูก เธอป่วย ไม่มีแรง และไม่มีความสุข

มันส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิต และจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพของเธอในอนาคต ถ้าเธอยังปล่อยให้เป็นแบบนั้นต่อไป เด็กสาวจึงเข้ารับการรักษาทางการแพทย์เป็นประจำทุกอาทิตย์

แม้จะรับการรักษาที่ถูกต้องทุกทางมันก็ยังคงเป็นเรื่องยากเอามากๆ และเธอเกือบจะยอมแพ้ให้มันโรคร้ายนี้

“ฉันก็แค่กินๆ ไปเพียงเพื่อให้ยังมีชีวิต นอกจากนั้นก็ไม่กินอะไรเลย จนในที่สุดฉันก็เริ่มไม่รู้ว่าจะมีีชีวิตอยู่ไปทำไม เพราะตอนนั้นมันก็เหมือนฉันได้ตายไปแล้ว” Danielle เล่าความรู้สึกของตัวเองในเฟซบุ๊กของเธอเอง

เธอบอกอีกว่า “โรคนี้มันทำให้ฉันอดไปเที่ยวกับเพื่อน ทำให้ฉันไม่ได้ไปหาอะไรอร่อยๆ กิน ไม่ได้เข้าสังคม ไม่ได้ไปเรียน มันเข้ามาขัดขวางการทำงานและทุกสิ่งทุกอย่าง มันทำลายชีวิตของฉัน

ฉันเกลียดตัวเอง ยอมแพ้ให้กับมัน การมีชีวิตอยู่เป็นเหมือนกับหน้าที่อันหน้าเบื่อ…”

แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี อาการของ Danielle เริ่มดีขึ้นทีละเล็กละน้อย และมาจนถึงวันนี้เธอหายดีเกือบจะสมบูรณ์พร้อม และเธอภาคภูมิใจในตัวของเธอเองมากๆ

เธอกล่าวว่า “ฉันได้กลับมาใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่มันควรเป็น ฉันมีความสุขกับการทานอาหาร ถึงจะยังไม่หาย 100% แต่ก็ใกล้แล้วค่ะ ในที่สุดฉันก็มีความสุขได้อีกครั้ง ได้ตัวฉันคนเก่ากลับมา และฉันโคตรคิดถึง “เธอ” เลย

ฉันก็ยังมีความรู้สึกหวาดกลัวอาหารอยู่ และก็ยังคงมีวันแย่ๆ อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ฉันพร้อมท้าชนกับมัน ฉันสามารถทานอาหารที่ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกินได้

1 ปีผ่านไปแล้วและฉันก็พูดได้เต็มปากเลยว่า ฉันกำลังจะโบกมือลาเจ้าโรคคลั่งผอมนี่แล้ว”

Danielle แชร์รูปภาพของตัวเธอเมื่อ 1 ปีก่อนและตอนนี้ มันบ่งบอกถึงความสุขและสุขภาพที่ดี เธอมีความสุขกับการได้ทานอาหารอร่อยๆ ที่ดีต่อสุขภาพ

และเธอหวังว่าภาพและเรื่องราวของเธอจะช่วยให้คนที่ป่วยเป็นโรคอะนอเร็กเซียเหมือนเธอได้ลุกขึ้นสู้ รักษาตัวเอง และได้กลับมามีความสุขกับการใช้ชีวิตอีกครั้ง

ที่มา Mirror และ DailyRecord