เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนมากแล้วเรื่องที่เรานึกออกก็จะเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของเหล่าทหารญี่ปุ่นในสมัยก่อนต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนหรือเกาหลีก็เท่านั้น
แต่ก็ใช่ว่าคนญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น จะไม่มีคนดีเลยแต่อย่างไร เพราะแม้แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเอง เราก็มีฮีโร่ที่น่ายกย่อง ผู้ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นเช่นกัน
ชายคนดังกล่าวนี้มีชื่อว่า “ชิอุเนะ ซึกิฮาระ” นักการทูตชาวญี่ปุ่นที่ประจำการอยู่ที่ประเทศลิทัวเนีย ด้วยความที่เขาสามารถพูดภาษารัสเซียได้อย่างคล่องแคล่ว และเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในแมนจูเรียมาก่อน (ซึ่งเจ้าตัวลาออกมาเพราะไม่พอใจกับสิ่งที่ญี่ปุ่นทำกับจีน)
หน้าที่ของเขาในเวลานั้นก็ไม่มีอะไรมาก แค่ค่อยจับตาดูการเคลื่อนไหวของโซเวียตและเยอรมันให้กับทางญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามดำเนินไปคุณซึกิฮาระก็ต้องพบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เขาถูกจดจำไปในฐานะของวีรบุรุษ
นั่นเพราะในช่วงเวลาที่เขามาอยู่ที่ลิทัวเนียได้ไม่นานอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ก็ได้บุกเข้ายึดโปแลนด์ และเริ่มทำการสังหารหมู่ชาวยิวครั้งใหญ่ จนทำให้มีชาวยิวจำนวนมากพยายามลี้ภัยมายังประเทศลิทัวเนีย แต่ก็กลายเป็นว่าต้องมาติดอยู่กับโซเวียตที่นำโดยโจเซฟ สตาลินแทน
ในเวลานั้นเองที่คุณซึกิฮาระรู้ตัวว่าตำแหน่งของเขานั้นมีอาจสามารถที่จะช่วยชาวยิวเหล่านี้ได้ ด้วยการให้พวกเขาติดต่อลี้ภัยไปญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่ดีที่จะหนีจากค่ายนรก ที่อาจจะมาถึงเมื่อไหร่ก็ได้
น่าเสียดายมากที่ในตอนนั้นทางญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะออกวีซ่าให้กับผู้ลี้ภัย และเรียกตัวเขากลับประเทศ ซึ่งหากเขาขัดคำสั่ง ทั้งตัวเขาเองและที่บ้านก็อาจจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อย่างไรก็ตามด้วยความที่เขาถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลที่เชื่อมั่นในความดี คุณซึกิฮาระก็ตัดสินใจขัดคำสั่งของทางญี่ปุ่น เขาขอเลื่อนวันกลับประเทศออกไป ก่อนที่จะร่วมมือกับภรรยาลักลอบเขียนวีซ่าให้กับชาวยิวตลอด 29 วันในปี 1940 และออกวีซ่าแบบครอบครัวให้ชาวยิวด้วยความเร็วเฉลี่ย 300 เล่มต่อวัน
เขานั้นถึงกับโยนตราวีซ่าเปล่าๆ และประทับของตัวเองให้กับชาวยิวที่เหลืออยู่ในวันที่ตนเองโดนบังคับให้ออกจากลิทัวเนีย ซึ่งแม้ว่านี่จะนับเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แต่สำหรับซึกิฮาระแล้ว วีซ่าและตราประทับเหล่านี้อาจจะช่วยใครสักคนไว้ก็เป็นได้
หลังจากที่ออกจากลิทัวเนียคุณซึกิฮาระก็เดินทางไปมาในอีกหลายประเทศ ก่อนที่จะถูกจับเป็นนักโทษสงครามโดยโซเวียต และต้องใช้ชีวิตในค่ายกักกันนักโทษอยู่ราวๆ 18 เดือน ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับญี่ปุ่นและโดนขอ (แกมบังคับ) ให้ลาออกจากงานโดยทางรัฐบาลในเวลาต่อมา
คุณซึกิฮาระและลูกชายในตอนที่เดินทางไปเยี่ยมชมอิสราเอลในปี 1969
เรื่องราวของคุณซึกิฮาระเหมือนกับจะเงียบหายไปจากประวัติศาสตร์ตลอดหลายสิบปีหลังจากนั้น จนกระทั่งชาวยิวเริ่มออกตามหาตัวเขา และทำให้เรื่องราวของชาวผู้ช่วยเหลือชาวยิวไปกว่า 40,000 รายคนนี้กลายเป็นที่จดจำของโลก ผู้ได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติจากหลากหลายประเทศในเวลาต่อมา
ที่มา allthatsinteresting, jewishvirtuallibrary และ timesofisrael
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.