น้อยครั้งนักที่ในชีวิตของคนๆ หนึ่งจะได้พบเจอกับเรื่องราวที่เรียกได้ว่าเป็น ‘ปาฏิหาริย์’ อย่างเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อที่เกิดขึ้นกับหญิงชาวอาหรับเอมิเรตส์คนนี้
หลังจากเหตุรถชนเมื่อปี 1991 สมองของ Munira Abdulla วัย 32 ปีได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้เธอต้องอยู่ในอาการโคม่ามาเป็นเวลายาวนาน และไม่มีสัญญาณไหนที่บ่งบอกได้ว่าเธอจะมีชีวิตรอดมาได้
Omar Webair ลูกชายของเธอได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมไม่เคยยอมแพ้และคิดอยู่เสมอว่าสักวันเธอจะต้องฟื้นขึ้นมา”
Omar เล่าว่าในตอนนั้น เขาอยู่กับแม่ขณะเกิดอุบัติเหตุ หลังจากโรงเรียนเลิก แม่และพี่เขยของเขาก็มารับกลับบ้าน โดยพี่เขยของเขาเป็นคนขับรถ ส่วนเขาและแม่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง
โชคร้าย รถที่เขาโดยสารมาถูกรถโรงเรียนคันหนึ่งพุ่งเขามาชนเข้าอย่างจัง แม่ของเขากอดเขาไว้ เพื่อไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่เธอกลับได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักจากแรงกระแทก ทำให้เธอก็ต้องตกอยู่ในอาการโคม่า ไม่สามารถตอบสนองได้
เธอต้องทานอาหารผ่านท่อ และเข้ารับการบำบัดให้กล้ามเนื้อของเธอทำงานได้ตามปกติ ด้าน Omar ต้องเดินเท้าไปเฝ้าแม่ของเขาที่โรงพยาบาลเป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตรในทุกๆ วัน
แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งเธอถูกย้ายมารักษาตัวในโรงพยาบาลในประเทศเยอรมนีเมื่อปี 2017 ซึ่งครอบครัวได้รับความช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายจากสำนักราชวังอาหรับเอมิเรตส์
Abdulla ได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยการทำกายภาพบำบัดและทานยา จนเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง ท่ามกลางความความดีอกดีใจของคนในครอบครัว
ในที่สุดตอนนี้ Abdulla คุณแม่ของเขาสามารถตอบคำถามได้บ้างและอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนย้ายกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านเกิดได้แล้ว เรียกได้ว่าเป็น ปาฏิหาริย์ ที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้ แม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 27 ปี
ที่มา: thenational, independent
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.