พระละเหี่ยใจ โจรขโมยปลาใน ‘เขตอภัยทาน’ เตือนแล้วยังเถียงพระ ทำหลายปีตำรวจช่วยจับที

ปัญหาเรื่องของเหล่า ‘โจร’ ยังคงเป็นเรื่องที่มีให้เห็นในแทบจะทุกหัวระแหง ไม่เว้นแม้แต่ ‘เขตอภัยทาน’ ตามวัดต่างๆ ซึ่งทุกๆ คนต่างก็รู้กันดีว่าเป็นเขตอภัยทานเป็นพื้นที่ที่ไม่ให้มีการจับสัตว์

และคราวนี้แม้ว่าพระที่ดูแลรับผิดชอบเขตอภัยทาน จะสามารถจับโจรที่มาลวกอวนขโมยปลาได้แบบคาหนังคาเขา แต่ก็ไม่วายถูกโจรด่ากลับ งานนี้พระเลยต้องขึ้นโรงพักไปแจ้งความขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยจับโจร!!

เว็บไซต์เรื่องเล่าเช้านี้ระบุว่า เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นที่วัดแสนสุข เขตมีนบุรี ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ติดกับริมคลองแสนแสบ โดยที่ตลิ่งของวัดแห่งนี้มีป้ายเขียนชัดเจนว่าเป็นเขตอภัยทาน จึงทำให้มีปลาสวายอาศัยอยู่อย่างชุกชุม

ในแต่ละวันชาวบ้านประชาชนจะพากันมาให้อาหารปลาในบริเวณนี้เพื่อเป็นการทำบุญ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางคนที่เรียกได้ว่านอกจากจะไม่ได้ทำบุญแล้วยังทำบาปเสียอีก

ภาพจากกล้องวงจรปิดให้เผยให้เห็นถึงนาทีที่ผู้ก่อเหตุสองคนพากันพายเรือเลาะตลิ่งของวัด มาขโมยปลาสวายในเขตอภัยทานของวัดไปขาย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น

พระหนุ่ม กลิ่นจันทร์ พระลูกวัดแสนสุขเล่าว่า กลุ่มโจรที่มาก่อเหตุขโมยปลาก่อเหตุมาหลายปีแล้ว และแต่ละครั้งจะได้ปลาสวายไปไม่น้อยกว่า 500 กิโลกรัม ก่อเหตุเดือนละไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ทว่าก็จะเว้นช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน

แต่ว่าในปี 2562 กลุ่มโจรกลุ่มนี้ก็ก่อเหตุหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา…

ส่วนวิธีการก็คือผู้ก่อเหตุจะลากอวนให้ปลาติดตาข่าย พอลงตาข่ายเสร็จก็จะไปวางยาปลา (ยาที่ใช้เป็นกลุ่มสารเคมีที่มีกลิ่นเหม็นที่เหนือน้ำ) เพื่อต้อนให้ปลาว่ายหนีกลิ่นสารเคมีมาลงอวนที่ดักไว้ จากนั้นก็นำอวนขึ้นเป็นอันเสร็จสรรพ

พระหนุ่มเล่าต่อว่า ที่กลุ่มโจรเลือกที่จะก่อเหตุ ณ เขตอภัยทานหน้าวัดก็เพราะว่าเป็นจุดที่ปลาชุกชุมและตัวใหญ่ บางครั้งพระมาเจอตอนที่กลุ่มโจรกำลังลากอวนก็ขับเรือหนี พระลูกวัดก็ต้องช่วยกันลากอวนขึ้นมาเอาปลาออกจากตาข่าย

แต่ที่หนักที่สุดก็คือในบางครั้งพระลูกวัดที่คอยสลับเวรยามไล่กวดกลุ่มโจรไม่ให้จับปลา กลับถูกกลุ่มโจรด่าพร้อมทั้งอ้างว่าปลาที่จับไม่ใช่เขตอภัยทาน…

นอกจากวัดแสนสุขแล้วพระหนุ่มบอกว่า มีอีกหลายวัดที่ติดริมคลองแสนแสบถูกโจรกลุ่มนี้ขโมยปลาเช่นเดียวกัน ซึ่งตอนนี้พระได้ทำการรวบรวมหลักฐานส่งให้สน. มีนบุรีแล้วเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนในด้านของการดำเนินคดี ตำรวจพอจะมีเบาะแสของผู้กระทำผิดแล้ว และตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมหลักฐานเรียกตัวมาสอบปากคำต่อไป

การรายงานข่าวเรื่องดังกล่าว จากรายการเรื่องเล่าเช้านี้

ที่มา: morning-news.bectero