ตั้งแต่ในอดีต ทุกๆ สังคมจะต้องมีวิธีในการรับมือกับอาชญากรรมและเหล่าคนที่กระทำความผิด บางครั้งก็ผ่านการทรมาน การลงโทษ หรือการประหารชีวิต ซึ่งก็มีรูปแบบและความโหดที่ต่างกันไป
ดังนั้นในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จึงจะพาเพื่อนๆ ไปชม 7 การลงทัณฑ์แปลกๆ แต่มีเอกลักษณ์จากสมัยก่อน จะมีอะไรบ้างนั้น คงต้องเชิญเพื่อนๆ ไปชมกันได้ที่ข้างล่างนี้
เริ่มกันจาก Rhinocolura เมืองแห่งอาชญากรของอียิปต์
นี่คือเมืองแปลกๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 3,000 ปีก่อน โดยมีเป้าหมายเพื่อการขังนักโทษโดยเฉพาะ โดยมันเป็นเมืองที่แทบจะไม่มีอะไรอยู่เลย แถมแหล่งน้ำเพียงแห่งเดียวในเมืองยังเป็นบ่อน้ำที่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกด้วย
คนที่จะอยู่ในเมื่องนี้นั้นจะต้องถูกตัดจมูกออกไปเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของอาชญากร ซึ่งนั่นหมายความว่าต่อให้หนีออกไป คนเหล่านี้ก็แทบจะไม่มีโอกาสได้อยู่อย่างคนปกติเลย
การประหารด้วยโคสัมฤทธิ์แห่งกรีกโบราณ
นี่เป็นเครื่องประหารที่ออกแบบมาให้นำตัวนักโทษใส่เข้าไปในรูปปั้นวัวที่ทำจากสัมฤทธิ์ ก่อนที่จะเอาวัวทั้งตัวไปจุดไฟเผา จนผู้ที่อยู่ข้างในตายอย่างสยดสยอง
ว่ากันว่าในระหว่างโดนอบ นักโทษจะร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จนคล้ายกับเสียงของวัวจริงๆ นั่นเอง
การประหารด้วยช้าง แห่งเอเชีย
การประหารชีวิตด้วยช้างเป็นการประหารชีวิตที่พบได้ในแถบเอเชียโดยเฉพาะที่อินเดีย โดยจะเป็นการใช้ช้างเหยียบนักโทษเพื่อให้ทรมานหรือตายสมชื่อ แถมในบางครั้งเรายังอาจจะเห็นช้างถูกฝึกให้แทงนักโทษด้วยงาที่ติดมีดอีกด้วย
หน้ากาก “Scold’s Bridle” แห่งยุโรป
นี่คืออุปกรณ์ลงโทษคนปากไม่ดีแห่งยุโรปศตวรรษที่ 16 ถูกออกแบบมาให้มีส่วนปากเป็นหนามแหลมคม หรือเหล็กที่กดลงบนปากและลิ้น ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถขยับปากหรือพูดออกมาได้
อ้างอิงจากรูปแบบการใช้งาน เครื่องมือชิ้นนี้น่าเน้นไปที่การทำให้คนทำผิดอับอายมากกว่าที่จะทำให้ร่างกายบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตามหากโทษหนักมากๆ บางครั้งนอกจากใส่หน้ากากนี้แล้ว นักโทษยังอาจจะโดนทำร้ายร่างกายไปในเวลาเดียวกันด้วย
Damnatio Memoriae แห่งโรมัน
นี่เป็นการลงทัณฑ์ที่มักจะทำกับผู้ทรยศของอาณาจักร ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่นักโทษจะถูกทำเหมือนกับไม่มีตัวตน และหลักฐานแทบทุกอย่างของพวกเขาจะถูกลบไปจากประวัติศาสตร์ แม้ว่าในบางครั้งการลบจะไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่หวังก็ตาม
อ้างอิงจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ คนสำคัญๆ ที่โดนลงโทษในรูปแบบนี้ได้แก่ จักรพรรดิเนโร และจักรพรรดิคอมโมดุสนั่นเอง
การพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยน้ำของยุคกลาง
นี่คือหนึ่งในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของทางยุโรป ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยการทรมานผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งถ้าผู้ถูกกล่าวหาทนการทรมานได้โดยที่ไม่ตายไปก่อนพวกเขา (ก็มักจะ) พ้นผิด จากแนวคิดที่ว่าพระเจ้าจะปกป้องคนดี
โดยในกรณีการบริสุทธิ์ด้วยน้ำ ผู้ต้องหาจะถูกจับแก้ผ้า และมัดมือมัดเท้า ก่อนที่จะจับโยนลงไปในน้ำเพื่อดูว่าคนคนนั้นจมหรือลอย โดยหากผู้ต้องหาจม จะถือว่าเขาเป็นคนบริสุทธิ์ แต่หากผู้ต้องหาลอยขึ้นมา พวกเขาจะถูกถือว่าเป็นคนที่ทำผิดจริงและถูกน้ำปฏิเสธ
Kurdaitcha ของชาวอะบอริจิน
พวกเขาคือเพชฌฆาตแบบพิเศษของชาวอะบอริจิน รับหน้าที่ล้างแค้นให้กับคนที่ตายไป ซึ่งโดยมากแล้วพวกเขาจะทำงานร่วมกับกลุ่มคนที่ชื่อ Railtchawa (คล้ายๆ หมอยา) อีกที
การทำงานของพวกเขานั้นคือ Railtchawa จะตามหาตัวคนร้ายที่สังหารผู้ตายด้วยการพูดคุยกับวิญญาณ ก่อนที่ Kurdaitcha จะจัดการสังหารฆาตกรด้วยการใช้เวทมนตร์ หรือวิธีการอื่นๆ ต่อไปอีกที
ที่มา ancient-origins
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.