กลายเป็นข่าวการค้นพบที่เป็นที่น่าจับตามองของประเทศอิตาลีไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา ทางอุทยานโบราณคดีแห่งโคลีเซียมในกรุงโรม ได้ออกมาประกาศการค้นพบห้องลับในซากโบราณสถาน “Domus Aurea” พระราชวังของจักรพรรดิเนโร หลังจากที่มันถูกซ่อนจากสายตาคนบนโลกมานานถึง 2,000 ปี
ห้องลับที่มีการค้นพบในครั้งนี้ เป็นห้องเพดานโค้งที่เชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศักราชที่ 65-68 และมีลักษณะเด่นอยู่ที่รูปภาพฝาผนังของสัตว์ในเทพนิยายอย่างสฟิงซ์ ซึ่งวาดขึ้นโดยสีแดง เขียว เหลือง ซึ่งมีสภาพสมบูรณ์อย่างไม่น่าเชื่อแม้เวลาจะผ่านไปเป็นพันๆ ปีแล้วก็ตาม
โดยนอกจากรูปภาพของสฟิงซ์ที่กล่าวมาแล้ว ภายในห้องแห่งนี้ยังมีภาพของ เซนทอร์ เทพซึ่งมีช่วงล่างเป็นแพะอย่างแพน (ฟอนัสในเทพปกรณัมโรมัน) เครื่องประดับรูปพืช และภาพของชายถือดาบสู้กับเสืออีกด้วย
ภาพของเซนทอร์ที่พบในห้อง
อ้างอิงจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกมา ห้องที่ถูกเรียกกันด้วยชื่อเล่นว่า “ห้องสฟิงซ์” แห่งนี้ ถูกพบโดยบังเอิญในขณะที่นักวิจัยทำการบูรณะกำแพงพระราชวังอยู่ และในตอนที่ถูกพบแรกๆ ห้องแห่งนี้แทบจะเต็มไปด้วยเศษดิน
นี่นับว่าเป็นหนึ่งในห้องกว่า 300 ห้องที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมๆ กับพระราชวังตามคำสั่งของจักรพรรดิเนโรในอดีต และตั้งแต่ที่แหล่งโบราณสถานแห่งนี้ถูกค้นพบในช่วงศตวรรษที่ 15 นักโบราณคดีก็ยังสามารถพบห้องใหม่ๆ ในที่แห่งนี้อยู่เป็นพักๆ
ภาพของชายถือดาบสู้กับเสือ
และดูเหมือนว่าห้องที่พบในครั้งนี้เองก็อาจจะไม่ใช่ห้องลับห้องสุดท้ายในโบราณสถานแห่งนี้ด้วย
ที่มา livescience, telegraph และ independent
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.