เจาะลึก Birth Tourism ธุรกิจคลอดลูกในสหรัฐฯ หนทางเพื่อให้ได้สัญชาติอเมริกัน…

คิดว่าในช่วงนี้หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินคำว่า ‘Birth Tourism’ ผ่านหูกันมาบ้าง แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าคำๆ นี้มันคืออะไร และมีจุดประสงค์เพื่ออะไรกัน…

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

มารู้จักกับ Birth Tourism กันก่อน

Birth Tourism หรือการท่องเที่ยวเพื่อคลอดบุตร หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศหรือดินแดนที่ให้สัญชาติหรือสิทธิบางประการโดยถือหลักการของดินแดนปลายทาง (สิทธิที่มอบให้กับคนที่เกิดในดินแดนนั้นๆ) เพื่อคลอดลูก

สิทธิที่ว่านี้ก็มีอยู่มากมายอย่างเช่น สิทธิการอยู่อาศัย สวัสดิการรัฐด้านต่างๆ ทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาล การประกันการว่างงาน การประกันสิทธิเสรีภาพ ฯลฯ

ส่วนมากประเทศปลายทางของ Birth Tourism มักเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีกฎหมายสัญชาติเปิดโอกาสให้ เช่น สหรัฐอเมริกาและแคนาดา เป็นต้น ส่วนประเทศต้นทางก็คือประเทศที่กำลังพัฒนานั่นเอง

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

คนที่ไป Birth Tourism ต้องการอะไร??

ประเทศที่ได้ความนิยมมากที่สุดประเทศหนึ่งสำหรับ Birth Tourism คือประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากว่ารัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ระบุให้มีการรับรองให้สัญชาติอเมริกาแก่ผู้ที่กำเนิดในดินแดนของสหรัฐอเมริกา

และด้วยการมีสัญชาติอเมริกานี้เอง (ถือว่าเป็นพลเมืองสหรัฐฯ) จะทำให้ได้รับสิทธิเข้าถึงการเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่านักศึกษาต่างชาติ

นอกจากนี้เมื่อเด็กที่เกิดมีอายุครบ 21 ปี อาจมีสิทธิในการขอสิทธิอยู่อาศัยให้แก่บิดามารดาได้อีกด้วย 

อย่างไรก็ตามการแจ้งจุดประสงค์เข้าสหรัฐฯ เพื่อการคลอด ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด (แต่ถ้าแจ้งจุดประสงค์เท็จอย่างเข้าสหรัฐฯ เพื่อท่องเที่ยวแต่ตั้งใจไปคลอดลูก คือสิ่งผิดกฎหมายเนื่องจากใช้วีซ่าผิดประเภท)

ดังนั้นจึงสรุปได้ง่ายๆ ว่าสิ่งที่ผู้คนต้องการจาก Birth Tourism คือการที่บุตรได้สัญชาติหรือสิทธิประโยชน์ของประเทศนั้นๆ

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

ด้วยสิ่งเหล่านี้ ทำให้มีคนสนใจมากจนกลายเป็นเรื่องธุรกิจ!?

จากสิทธิอันมากมายรวมถึงเรื่องของสัญชาติ จึงทำให้เกิดธุรกิจเกี่ยวกับ Birth Tourism ขึ้นมา

อย่างเช่นศูนย์การแพทย์ The Tucson Medical Center (TMC) ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงกับมีการจัดแพคเกจ “Birth Package” ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นหญิงมีครรภ์ในประเทศเม็กซิโก

แพคเกจที่ว่านี้คือการเตรียมการให้หญิงมีครรภ์มาคลอดในสหรัฐฯ โดยอาจจะมีการนัดคลอดด้วยวิธีการผ่าตัดหรือมาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ 2 – 3 สัปดาห์ก่อนกำหนดคลอด

แพคเกจนี้มีค่าใช้จ่ายราวๆ ที่ 2,300 – 4,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 72,000 บาท – 145,000 บาท) ซึ่งครอบคลุมถึงค่าที่พัก ค่าหมอ ค่าโรงพยาบาลและค่าตรวจ

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนถูกจับกับเรื่องเช่นนี้??

แม้ว่าการแจ้งจุดประสงค์มาคลอดที่สหรัฐฯ จะไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธวีซ่าหรือการเข้าประเทศได้

ดังนั้นเอเจนซี่ของธุรกิจ Birth Tourism หลายแห่งจึงพยายามสอนวิธีอำพรางท้องให้กับหญิงที่มีครรภ์ รวมถึงบริการที่พักในสถานที่พักผ่อนอย่างฮาวาย เพื่อทำทีเป็นว่าลูกค้าของพวกเขาเข้าประเทศเพื่อการท่องเที่ยวนั่นเอง

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อก็มีการจับกุมในธุรกิจ Birth Tourism เกิดขึ้น อย่างเช่นกรณีในปี 2015 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกทลายธุรกิจ “You Win USA” ในลอสแองเจลิส

ซึ่งมี Dongyuang Li หญิงชาวจีนเป็นเจ้าของ และธุรกิจนี้สามารถทำเงินให้กับเธอได้อย่างมหาศาล

โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็เร่งปราบปรามการท่องเที่ยวเพื่อคลอดบุตรที่ผิดกฎหมายกันอยู่อย่างต่อเนื่อง…

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

ทรัมป์ไม่ปลื้มกับเรื่องนี้

นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่อง Birth Tourism ว่าเขามีเป้าหมายจะยกเลิกให้สัญชาติคนเกิดในสหรัฐฯ โดยเขาให้เหตุผลว่าคนที่มาเกิดเพื่อเอาสัญขาติสหรัฐฯ มีจำนวนมากเกินไป

รวมทั้งเรื่องยังเป็นเหมือนกับสิ่งที่ดึงดูดต่อผู้อพยพ ให้เข้ามาในประเทศสหรัฐฯ มากเกินไปด้วย…

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

นี่คือบางส่วนของ Birth Tourism ตอนนี้ก็คิดว่าเพื่อนๆ น่าจะได้รู้จักกับธุรกิจนี้มากยิ่งขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ!!

 

ที่มา: wikipedia, reuters, fortune, nytimes, inkstonenews

Comments

Leave a Reply