รู้หรือไม่ จากข้อมูลทางสถิติ คนในปัจจุบันทำงานหนักยิ่งกว่าบรรพบุรุษในช่วงยุคกลางอีก

เมื่อพูดถึงการทำงานของคนในสมัยโบราณอย่างช่วงยุคกลาง เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะมีภาพลักษณ์ติดตาว่าการทำงานของคนเหล่านี้ คงจะหนักหนาสาหัสมาก เพราะในยุคที่มนุษย์ยังมีเทคโนโลยีไม่ก้าวไกลเช่นนี้ การทำงานแทบทุกในสมัยนั้นคงจะต้องลงแรงด้วยมือมนุษย์ทั้งนั้น

 

 

ว่าแต่เชื่อหรือไม่ว่าอ้างอิงจากสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกาแล้ว คนในยุคกลางนั้นทำงานกันน้อยกว่าที่เราคิดไว้มาก โดยพวกเขาทำงานกันเฉลี่ยปีละ 1,620 ชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่คนไทยในกรุงเทพฯ ทำงานกันโดยเฉลี่ยถึงปีละ 2,191.3 ชั่วโมง (อ้างอิงจากสถิติในปี 2018)

ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากในช่วงยุคกลาง งานของคนส่วนใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องกับการเกษตร ซึ่งอาศัยฤดูกาลในการทำงาน ดังนั้นชาวบ้านทั่วไปจึงมักมีเวลาราวๆ 8 สัปดาห์ที่จะไม่ต้องทำงานเลย แถมงานในแต่ละวันของพวกเขาเองก็ไม่สามารถทำหลังจากพระอาทิตย์ตกได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการกำหนดเวลาทำงานไปในตัว

 

 

เท่านั้นยังไม่พอเพราะแม้ว่าในปัจจุบันเราจะคิดว่าพวกเรามีวันหยุดพิเศษเยอะก็ตาม แต่ความจริงแล้วในสมัยก่อนเอง ทางโบสถ์ก็มักจะกำหนดวันหยุดหรือเทศกาลแปลกๆ ออกมาเต็มไปหมดเช่นกัน ทำให้คนสมัยนั้นมีวันหยุดพิเศษอีกเฉลี่ยปีละ 25 วันเลย

นอกจากนี้ จริงอยู่ที่ว่าการทำงานตั้งแต่ตะวันขึ้นยันตะวันตกอาจจะเป็นอะไรที่ฟังดูนาน แต่คนในสมัยก่อนไม่มีการกำหนดระยะเวลาพักของตัวเองเหมือนคนในปัจจุบัน ดังนั้นหากพวกเขาต้องการ เอาเข้าจริงๆ แล้วจะพักสักกี่ครั้งก็ได้ด้วยซ้ำ

 

 

อ้างอิงจากเอกสารของบิชอปในศตวรรษที่ 16 คนในสมัยก่อนจะมีเวลาพักในช่วงเช้า มีเวลาอาหารเช้าแยกต่างหาก มีเวลานอนกลางวัน มีเวลาทานอาหารกลางวัน และทันทีที่ตะวันตกพวกเขาก็จะหยุดทำงานไป ทำให้เวลาทำงานจริงๆ ของพวกเขาไม่ได้มากเท่าที่เราคิดแต่อย่างใด

ส่วนเหตุผลที่เวลาทำงานของคนเราเพิ่มขึ้นแบบสุดๆ อย่างเห็นได้ชัดนั้น เชื่อกันว่าเกิดขึ้นในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อศตวรรษที่ 19 เพราะในช่วงเวลานั้นคนเราทำงานกันนานถึง 70-80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เลยทีเดียว ก่อนที่เวลาทำงานจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนมาอยู่ในสภาพแบบปัจจุบันนั่นเอง

 

ที่มา allthatsinteresting, businessinsider

Comments

Leave a Reply