หากเราลองหลับตาแล้วคิดดูว่าถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมิดแบบนั้นไปตลอด มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะว่ามั้ย?
แต่แม้จะต้องใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากมากขนาดไหน หญิงสาวตาบอดที่ชื่อว่า น้องพลอย – สโรชา กิตติสิริพันธุ์ เธอก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า แม้เธอใช้ชีวิตอยู่กับความมือมิด แต่เธอก็สามารถทำตามฝันได้สำเร็จ
น้องพลอย หญิงสาวผู้พิการทางสายตาตั้งแต่ยังเด็ก
“พลอย จำไม่ได้ว่าเคยมองเห็น ในความทรงจำมีแต่เสียง และประสาทสัมผัสส่วนอื่นที่ไม่ใช่ดวงตา” บทสัมภาษณ์ที่เธอเคยพูดกับทางเว็บไซต์ GOODLIFEupdate.com
สิ่งที่ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอย่างที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ เกิดจากอาการของ “โรคมะเร็งจอประสาทตา”
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น เธอก็ยังคงไม่ยอมแพ้ให้กับโชคชะตาที่เข้ามาเล่นตลกกับชีวิตของเธอ เธอไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะจมดิ่งอยู่แต่กับความเศร้า
ส่วนสำคัญนั้นคงต้องขอบคุณ “ครอบครัวของเธอ” ที่คอยมอบความรัก ให้กำลังใจ สนับสนุนให้เธอได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตหลายๆ อย่างไม่ต่างจากคนทั่วๆ ไป
หนึ่งในจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เธอต้องปรับตัวเข้ากับสังคมปกติ นั่นคือตอนที่เธอได้เริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนธรรมดา กับการเข้าศึกษาในระดับมัธยมที่ โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์
เธอและคุณพ่อ
การออกเผชิญโลกกว้างครั้งแรกทำให้เธอรู้สึกกดดันอยู่บ้าง ในขณะเดียวกันเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากคุณครูในโรงเรียน
ชีวิตมัธยมของเธอจึงยังคงเต็มไปด้วยความสนุกปนตื่นเต้นเฉกเช่นเด็กคนอื่นๆ เธอได้เรียนรู้ที่จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ได้มีเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ รวมถึงวิชาเรียนต่างๆ ก็ดูน่าสนใจไปซะหมดสำหรับเธอ
พอขึ้นมาอยู่ในระดับ ม.ปลาย เธอก็เริ่มคิดไปถึงเรื่องที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เริ่มมองหาว่าตนเองต้องการเรียนต่อด้านใด
จากการค้นหาข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ต เธอก็ได้บังเอิญไปเจอเข้ากับข่าวการเปิดสอบของ คณะอักษรศาสตร์ สาขาภาษาและวรรณคดีไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หากพูดกันตามตรง การที่ผู้พิการทางสายตาอย่างเธอจะต้องเข้าเรียนใน คณะอักษรศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวกับหนังสือ การอ่าน การเขียน แค่ฟังดูก็พอรับรู้ได้ถึงความยากลำบากและอุปสรรคหลายๆ อย่างที่เธอต้องเจอแล้ว
แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่สามารถฉุดรั้งเธอเอาไว้ได้ เธอมองว่ามันคือความท้าทาย เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ปราศจากความกลัวอย่างที่ใครหลายๆ คนกังวลกัน
และจากการเรียนเกี่ยวกับพงศาวดาร ลิลิต วรรณคดีต่างๆ ในช่วง ม.ปลาย นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกชื่นชอบและสนใจที่จะเรียนต่อเกี่ยวกับศาสตร์ด้านนี้
ทุกอย่างนั้นเพียงพอแล้วสำหรับการสมัครเข้าเรียนยัง คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งใครจะไปคิดว่าในเวลาต่อมา เธอจะสามารถเรียนจบได้ด้วยรางวัล “เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง”
เธอได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าการที่เธอแตกต่างจากคนอื่นนั้น ไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
ช่วงเวลา 4 ปีในรั้วมหาลัยก็ยิ่งกระตุ้นความชอบต่อการอ่านและการเขียนของเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก จนเธอได้ตีพิมพ์ “หนังสือที่ตัวเองเขียน” เป็นเล่มแรก โดยหนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า จนกว่าเด็กปิดตาจะโต
จนกว่าเด็กปิดตาจะโต คือ “บันทึกส่วนตัวของเธอ” ที่เธอตั้งใจเขียนมันอย่างสม่ำเสมอตลอด 2 ปีเต็ม นับตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ในระดับชั้นปีที่ 2
เธอถ่ายทอดเรื่องราวทุกอย่างในชีวิต แม้เธอจะมองไม่เห็น แต่ทุกสิ่งที่เธอเล่า ทุกอย่างที่เธอพบเจอในการดำเนินชีวิต ความนึกคิดและมุมมองต่างๆ ที่เกิดขึ้น เธอสามารถร้อยเรียงออกมาได้อย่างสวยงาม
หนังสือเล่มนี้ผู้อ่านอาจไม่ได้ใช้แค่ “ตา” มอง หากแต่จำเป็นต้องใช้ “ใจ” เพื่อรับรู้ความสวยงามในโลกของเธอ
แล้วผลงานหนังสือเล่มนี้ของเธอก็สร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านทุกคนเป็นอย่างมาก จนได้รับ รางวัลชมเชยกลุ่มหนังสือสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุ 12-18 ปี (สารคดี) ในปี พ.ศ.2559 ไปครอง
นอกเหนือจากหนังสือเล่มนี้แล้ว เธอยังถ่ายทอดมุมมองต่างๆ ในชีวิตผ่านทางเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า สโรชา กิตติสิริพันธุ์ อีกด้วย ซึ่งเพื่อนๆ ก็สามารถเข้าไปตามอ่านกันได้
ที่มา: goodlifeupdate , สโรชา กิตติสิริพันธุ์
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.