เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่า “เนื้อวะกิว” เนื้อวัวระดับพรีเมี่ยมที่เสิร์ฟในร้านอาหารเหล่านี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร มีความพิเศษอย่างไร และทำไมถึงมีราคาสูงกว่าเนื้อชนิดอื่นๆ
วันนี้ #เหมียวเปปเปอร์ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเนื้อวะกิวมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ
Wagyu (วะกิว) มาจากในภาษาญี่ปุ่นสองคำ
คือคำว่า Wa (วะ) ที่แปลว่าประเทศญี่ปุ่น และคำว่า Gyu (กิว) ที่แปลว่า วัว
เมื่อรวมกันแล้วหมายถึงเนื้อวัวที่มาจากประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
เนื้อวะกิว มาจากวัวเนื้อไม่กี่สายพันธุ์ อย่างเช่น Japanese Black พันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ ทาจิมะ (Tajima) หรือ ทาจิริ (Tajiri) Japanese Shorthorn พันธุ์ญี่ปุ่นเขาสั้น และ Japanese Polled พันธุ์ญี่ปุ่นไม่มีเขา
เพราะฉะนั้นในส่วนสายพันธุ์วัวอื่นๆ ก็จะไม่ถูกจัดเกรดเป็นเนื้อวะกิว เนื่องจากการพยายามรักษาสายพันธุ์สืบทอดคุณภาพเนื้อเอาไว้
วัวเหล่านี้จะถูกเลี้ยงดูอย่างดีในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและเป็นมิตร กินอาหารที่มีคุณภาพ ทำให้พวกมันไม่มีความเครียด เนื้อที่ได้จึงมีความอ่อนนุ่มกว่าเนื้อชนิดอื่น และมีราคาสูง
ความพิเศษของเนื้อวะกิวคือ ไขมันที่แทรกตัวอยู่ทั่วกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดลายหินอ่อน ให้รสสัมผัสอ่อนนุ่มละลายในปากยากเกินห้ามใจ และมีกลิ่นหอม ไม่ว่าจะนำไปปรุงเมนูไหนก็อร่อย
การจัดเกรดของเนื้อชนิดนี้แบ่งออกเป็น 2 แบบ
1. อัตราส่วนของเนื้อเมื่อเทียบกับน้ำหนัก มี 3 ระดับตั้งแต่ A-C
2. คุณภาพเนื้อ วัดจากลายหินอ่อน สี ความมันวาว ความแน่น เนื้อสัมผัส และคุณภาพของไขมัน แบ่งเป็นระดับ 1-5
ดังนั้นการวัดเกรดของเนื้อวะกิวจึงมีทั้งหมด 15 ระดับ โดยระดับที่มีคุณภาพที่สุดคือ เนื้อ A5
จากภาพจะแสดงให้เห็นว่า ในเกรด C1 ก็จะมีสัดส่วนเนื้อและไขมันลายหินอ่อนที่น้อยกว่า เป็นเนื้อราคาถูก
ส่วน A5 ก็จะเป็นเนื้อเกรดพรีเมียม สำหรับบริโภคในร้านอาหารคุณภาพทั้งในประเทศญี่ปุ่น และส่งออกไปยังต่างประเทศด้วยเช่นกัน
ความพิถีพิถันในการเลี้ยงดู คัดเลือกเนื้อ ตลอดจนขั้นตอนการปรุงอาหารแบบญี่ปุ่นทำให้เนื้อวะกิวเป็นที่นิยม ถูกอกถูกใจคนทั่วโลกนั่นเอง
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.