ย้อนรอย “Bloody Sunday” เมื่อทหารอังกฤษยิงผู้ชุมนุมประท้วงไอร์แลนด์เหนือเมื่อปี 1972

เพื่อนๆ เคยได้ยินเรื่องราวของเหตุการณ์ที่ชื่อว่า “Bloody Sunday” หรือ “วันอาทิตย์ทมิฬ” แห่งปี 1972 กันมาก่อนไหม นี่เป็นเรื่องราวการยิงสังหารผู้ชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นในไอร์แลนด์เหนือเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1972

ในวันนั้นทหารรัฐบาลจากสหราชอาณาจักร ได้มีการใช้กำลังทหารเกินกว่าเหตุในการปะทะกับผู้ชุมนุมชาวไอริชที่มาชุมนุมกันแบบสันติและปราศจากอาวุธ ที่เมืองลอนดอนเดอร์รี่ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 14 ราย และบาดเจ็บอีก 13 คน

 

.

 

ทั้งนี้เองจุดเริ่มต้นของปัญหาระหว่างไอร์แลนด์เหนือและสหราชอาณาจักรนั้น สามารถมองย้อนกลับไปได้ตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 12 ซึ่งประเทศอังกฤษบุกยึดประเทศไอร์แลนด์ และต้องพบกับการปฏิวัติครั้งแล้วครั้งเหล่าตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยมีรากฐานของปัญหามาจากแนวคิดทางศาสนาและการปกครองที่ไม่ลงรอยกัน

แน่นอนว่าประวัติศาสตร์ความขัดแย้งอันยาวนานนั้น ยอมทำให้กลุ่มชาตินิยมหลายกลุ่มไม่พอใจเกี่ยวกับการที่ไอร์แลนด์เหนือถูกปกครองโดยสหราชอาณาจักร จนบางครั้งก็กลายเป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่ต้องการจะปลดปล่อยประเทศของตัวเอง

 

คาร์บอมบ์ที่สำนักงานใหญ่ของกองทัพอังกฤษ หนึ่งในเหตุการณ์อันเป็นผลงานของกลุ่มหัวรุนแรงในไอร์แลนด์เหนือ

 

และการปฏิบัติการของกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้เอง ที่ทำให้สหราชอาณาจักรตัดสินใจเริ่มออกจับกุมประชาชนแบบไม่จำเป็นต้องแจ้งสาเหตุ เพื่อหวังที่จะทำลายกลุ่มหัวรุนแรงในไอร์แลนด์เหนือให้ได้

ปัญหาคือคนที่เสียหายเพราะการตัดสินใจครั้งนี้นั้น ไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่มหัวรุนแรงเท่านั้น เพราะการทำงานของเจ้าหน้าที่สหราชอาณาจักรนั้นในหลายๆ ครั้งก็ส่งผลกระทบกับประชาชนธรรมดาด้วย

ดังนั้นชาวไอริชนับหมื่นคนที่นำโดยสมาพันธ์สิทธิพลเมืองชาวไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland Civil Rights Association) จึงได้ออกมาชุมนุมประท้วงเจ้าหน้าที่รัฐ โดยที่มีทหารคอยควบคุมตลอดการชุมนุม

 

 

ฟางเส้นสุดท้ายของเหตุการณ์ในครั้งนี้ อยู่ที่เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงเขตบ็อกไซต์ของเมืองเดอร์รี และพบว่าทางทหารได้มีการสกัดกั้นการเดินขบวน ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มขว้างปาสิ่งของใส่ทหาร ก่อนที่เหตุการณ์จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทหารต้องยิงตอบโต้

อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ ในช่วงแรกๆ ของการตอบโต้ผู้ชุมนุม ทางหน่วยงานได้มีการใช้กระสุนยาง และแก๊สน้ำตาเป็นหลัก อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้น ทางทหารก็ได้มีการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมในที่สุด

 

ภาพของการใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผู้ชุมนุม

 

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ถูกนานาชาติมองว่าเป็นการสังหารผู้บริสุทธิ์อย่างชัดเจน เพราะการถูกผู้ชุมนุมขว้างปาสิ่งของใส่นั้น ไม่ใช่เหตุผลที่ทหารจะใช้กระสุนจริงได้ แถมอ้างอิงจากพยานในเหตุการณ์หลายๆ คน ผู้ชุมนุมนั้นถูกยิงโดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนด้วยซ้ำ วิ่งนับว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุมาก

 

.

 

เหตุการณ์ในครั้งนี้กลายเป็นคดีความที่มีการสอบสวนและถกเถียงกันไปเป็นเวลาหลายทศวรรษ แถมยังจุดชนวนความขัดแย้งรุนแรงอื่นๆ ในประเทศอีกหลายครั้ง

และกว่าที่ทางอังกฤษจะมีการยอมรับความผิดอย่างเป็นทางการ มันก็ในตอนที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษคุณเดวิด แคเมอรอนออกมาทำการกล่าวขอโทษในรัฐสภา เมื่อปี ค.ศ. 2010 เลย

 

ที่มา allthatsinteresting, britannica, theguardian และ bbc

Comments

Leave a Reply