Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) คือภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง เกิดจากการที่บุคคลคนหนึ่งไปประสบกับเหตุการณ์รุนแรงบางอย่างซึ่งส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างร้ายแรง
พบได้ในกลุ่มคนที่ประสบกับเหตุรุนแรงแล้วรอดชีวิตมาได้ พบเห็นหรือสูญเสียคนที่รักไปในเหตุการณ์เหล่านั้นเช่น ภัยพิบัติ การฆาตกรรม ปล้น ข่มขืน สงครามเป็นต้น
เหตุการณ์เหล่าจะฝังอยู่ในใจของผู้ป่วยก่อให้เกิดภาวะเครียดจัดจนไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ ในอาการป่วยระยะที่ 2 ผู้ป่วยจะเห็นภาพเหตุการณ์รุนแรงในอดีตตามมาหลอกหลอน ทั้งเห็นภาพหลอน ได้ยินเสียง หรือฝันเห็น
บางครั้งจะรู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ภาพเหตุการณ์อยู่เหนือการควบคุม ทำให้ผู้ป่วยตกใจง่าย นอนไม่หลับ หงุดหงิด ก้าวร้าว ซึมเศร้า และรู้สึกหมดคุณค่าในชีวิต อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายในที่สุด
ผู้ที่ป่วยเป็น PTSD นั้นนอกจากรับการรักษาทางการแพทย์แล้ว แต่ละคนก็จะมีวิธีรับมือและหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการกำเริบที่แตกต่างกันไป เพราะทุกคนก็มีสิ่งกระตุ้นอาการตามแต่เหตุการณ์ที่พบมา
ชายคนหนึ่งบอกเพียงชื่อว่า Chris เป็นทหารผ่านศึกสังกัดกองทัพเรือสหราชอาณาจักรมานานถึง 24 ปี หลังจบสงคราม เขากลับบ้านมาพร้อมกับโรค PTSD เช่นกัน
เมื่อกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านเขาพบว่าตนเองเครียดมาก อาการของโรคมักกำเริบเมื่ออยู่ในบ้านเงียบๆ หรือเวลาจะเข้านอน ภาพเหตุการณ์ในช่วงสงครามและความคิดต่างๆ ทำให้เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้
สุดท้ายเขาเลือกที่จะออกมาข้างนอกบ้าน แล้วพบว่าเมื่อมานอนข้างถนนที่มีเสียงเจี้ยวจ้าวของผู้คน และเต็มไปด้วยความวุ่นวายทำให้เขานอนหลับได้ดีกว่านอนบนเตียงนุ่มๆ ในบ้านของตนเองเสียอีก
Chris เล่าว่า “ผมไม่ชอบอยู่ในบ้าน ไม่ชอบสถานที่ปิดน่ะครับ ผมขออยู่ในที่ที่มีเสียงรบกวน มีความวุ่นวาย ได้พบเจอผู้คน ทำให้พวกเขาหัวเราะและแต่งเติมรอยยิ้มให้กับผู้อื่นมันดีกว่ามากเลย
ผมชอบเสียงเจี้ยวจ้าวนะ ผมหลับได้สบายกว่าเวลามีเสียงพวกนี้ เพราะถ้าผมอยู่ในห้องของตัวเองเมื่อไหร่ มันจะมีอะไรมากมายที่ผ่านเข้ามาในความคิด”
หลังจากเขาค้นพบวิธีบรรเทาอาการ PTSD ของตนเอง Chris จึงเลือกที่จะออกมาเป็น “คนไร้บ้าน” ทำเพิงเล็กๆ เป็นที่นอนอยู่ริมถนนในกรุงเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และใช้ชีวิตแบบคนไร้บ้านมานาน 7 ปีแล้ว
เมื่อทางสำนักข่าวถามถึงการรักษาด้านการแพทย์ Chris บอกว่าทางกองทัพก็ได้เสนอความช่วยเหลือให้เขารับการรักษากับจิตแพทย์ แต่เขาเป็นฝ่ายปฏิเสธเอง
เขาให้เหตุผลว่า “ผมป่วยเป็น PTSD ก็จริง แต่ถ้าผมรับการรักษา ผมก็จะเปลี่ยน…เปลี่ยนไปเป็นคนที่ไม่ใช่ผมอีกต่อไป ผมขอใช้ชีวิตแบบนี้ดีกว่า
อีกอย่างผมไม่อยากคุยกับคนที่ศึกษาทุกอย่างจากตำราหรอก ผมอยากจะคุยกับคนที่ผ่านความทุกข์และปัญหามาด้วยตัวของพวกเขาเอง”
Chris ยังบอกอีกว่า เขามีความสุขกับชีวิตตอนนี้ ชาวเมืองเบลฟาสต์นั้นน่ารักและเป็นมิตร เขาได้พูดคุยกับผู้คนมากมาย และมีความสัมพันธ์อันดีกับร้านค้าที่อยู่ในละแวกนั้นจึงไม่รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวเลย
เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ทหารผ่านศึกเสริมอีกว่า “ผมได้เงินบำนาญนะ แต่ว่าไม่ได้ไปถอนออกมาใช้หรอก แต่หากว่ามีเพื่อนของผมคนไหนผ่านมาและต้องการเงินไปทาสีบ้านใหม่หรือทำสวน ผมก็จะมอบให้พวกเขาไป”
ทั้งนี้นอกจาก Chris แล้วในไอร์แลนด์เหนือ สหราชอาณาจักรและประเทศทั่วโลก เหล่าทหารผ่านศึกจำนวนมากก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะ PTSD
แม้ว่าพวกเขาจะถูกยกย่องในฐานะผู้กล้าหาญที่ออกรบเพื่อประเทศ แต่หลังจบสงครามและรอดชีวิตกลับมา ชีวิตของพวกเขากลับพลิกผันและไม่มีความสุข
เราคงได้แต่หวังว่าวันหนึ่งโลกใบนี้จะไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังใดๆ เพื่อไปสู้รบกับมนุษย์ด้วยกันเองอีก…
ที่มา Mirror, Belfast Live และ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.